11.12.18       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน พ่อคือผู้ให้คุณประโยชน์ในทุกสถานการณ์ ดังนั้นอย่ามีข้ออ้างเกี่ยวกับการไม่ทำตามคำสั่งที่ลูกได้รับ แต่จงทำตามศรีมัทอย่างสม่ำเสมอ

คำถาม:
อะไรคือความแตกต่างระหว่างการบรรลุผลที่ได้จากความเลื่อมใสศรัทธาอย่างจริงจัง และการบรรลุผลที่ได้จากการศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจัง

คำตอบ:
ด้วยความเลื่อมใสศรัทธาที่จริงจัง ลูกได้รับแค่เพียงนิมิต ตัวอย่างเช่น ผู้เลื่อมใสศรัทธาของศรีกฤษณะอาจมีนิมิตของศรีกฤษณะและร่ายรำ แต่พวกเขาไม่ได้ไปสู่ดินแดนสุขาวดีหรือดินแดนของศรีกฤษณะ ลูกๆ จงเล่าเรียนการศึกษานี้อย่างจริงจังและความปรารถนาทั้งหมดของลูกจะได้รับการเติมเต็ม ด้วยการเล่าเรียนการศึกษานี้ ลูกจะไปสู่ดินแดนสุขาวดี

เพลง:
หากไม่ใช่วันนี้ วันพรุ่งนี้เมฆหมอกก็จะกระจายหายไป โอ นักเดินทางที่เร่ร่อนในยามค่ำคืน ถึงเวลาเช้าแล้ว กลับบ้านกันเถิด

โอมชานติ
ใครที่พูดว่า กลับบ้านกันเถิด เมื่อลูกของบางคนบึ้งตึงแล้วออกจากบ้านไป เพื่อนและญาติๆของเขาก็จะตามหาและถามเขาว่า ทำไมเขาจึงบึ้งตึงและพูดว่า “ตอนนี้กลับบ้านกันเถิด” ที่นี่ก็เช่นกัน พ่อที่ไร้ขีดจำกัดมาและอธิบายให้แก่ลูกทุกคน มีพ่อและดาด้า มีพ่อทางร่าง และพ่อทางจิตด้วย พ่อพูดว่า โอ ลูกๆ เวลานี้ กลับบ้านกันเถิด เวลานี้กลางคืนจบแล้วและกลางวันกำลังจะมา เหล่านี้คือประเด็นของความรู้ ใครอธิบายเกี่ยวกับกลางคืนของบราห์มาและกลางวันของบราห์มา พ่อนั่งอยู่ที่นี่และอธิบายให้แก่บราห์มาและลูกๆบราห์มากุมารและบราห์มากุมารี ครึ่งวงจรเป็นกลางคืน นั่นคืออาณาจักรที่ไม่บริสุทธิ์ของราวัน อาณาจักรที่คดโกง เพราะผู้คนทำตามคำสั่งปีศาจ เวลานี้ลูกกำลังทำตามศรีมัท ศรีมัทก็ยังแฝงตัวอีกด้วย เรารู้ว่าพ่อมาด้วยตัวท่านเอง รูปแบบของท่านนั้นแตกต่างจากรูปแบบของราวัน ผู้นั้นคือราวัน กิเลสทั้งห้า เวลานี้อาณาจักรของราวันกำลังถึงจุดจบ จากนั้นก็จะมีอาณาจักรของพระเจ้า พวกเขาพูดถึงอาณาจักรของราม พวกเขาไม่ได้สวดชื่อของรามผู้เป็นของสีดา เมื่อพวกเขาสวดชื่อ “ราม ราม” ขณะหมุนลูกปัดของสร้อยประคำไปด้วยนั้น พวกเขาก็กำลังจดจำพระเจ้า ดวงวิญญาณสูงสุด พวกเขาสวดชื่อของผู้เดียวที่เป็นผู้ประทานการหลุดพ้นในชีวิตให้กับทุกคนอย่างต่อเนื่อง รามหมายถึงพระเจ้า เมื่อพวกเขาหมุนลูกปัดของสร้อยประคำ พวกเขาไม่ได้จดจำมนุษย์คนใด ไม่มีผู้อื่นเข้าไปอยู่ในสติปัญญาของพวกเขา พ่อจึงอธิบายว่า เวลานี้กลางคืนมาถึงจุดจบแล้ว นี่คือสนามของการกระทำ เวที ที่พวกเราดวงวิญญาณใช้ร่างกายและเล่นบทบาท เราแต่ละคนต้องเล่นบทบาทถึง 84 ชาติเกิด สกุลต่างๆยังถูกแสดงไว้ในภาพนั้นอีกด้วย เพราะต้องมีบัญชี 84 ชาติเกิดที่ลูกเข้ามาสู่ชาติเกิด วรรณะ และสกุล เหตุนี้เองภาพลักษณ์ที่มีรูปแบบอันหลากหลายจึงถูกแสดงไว้ ก่อนอื่นคือพวกบราห์มิน ไม่อาจมี 84 ชาติเกิดในสุริยวงศ์ของยุคทองเท่านั้น ไม่มี 84 ชาติเกิดในสกุลบราห์มิน 84 ชาติเกิดเกิดขึ้นในรูปแบบและนาม แผ่นดินและเวลาที่แตกต่างกันไป จากสภาพสโตประธานของยุคทอง แน่นอนว่าทุกคนต้องลงมาสู่สภาพตโมประธานของยุคเหล็ก ช่วงเวลานั้นก็ยังถูกแสดงไว้ด้วย มนุษย์ใช้ 84 ชาติเกิดอย่างไรนั้นเป็นเรื่องที่ต้องเข้าใจกัน มนุษย์ไม่อาจเข้าใจสิ่งนี้ได้ ดังนั้น พ่อจึงพูดว่า ลูกไม่รู้จักชาติเกิดของตนเอง พ่อจะบอกลูกเกี่ยวกับชาติเกิดเหล่านี้ พ่อเข้าใจว่าตามละครแล้ว แน่นอนว่าลูกต้องลืมทุกสิ่ง เวลานี้เป็นยุคบรรจบพบกัน โลกพูดว่า ยุคเหล็กยังคงเป็นทารก สิ่งนั้นคือความไม่รู้ ความมืดมิด เหมือนที่นักแสดงในละครรู้ว่าละครกำลังจะจบลงในอีกสิบนาที ดังนั้น นี่ก็ยังเป็นละครที่มีชีวิตด้วย ผู้คนไม่รู้ว่าละครนี้จะจบเมื่อไหร่ พวกเขาอยู่ในความมืดมิด พ่อพูดว่า ไม่มีใครพบพ่อได้โดยผ่านกูรู ฯลฯ พระเวทย์ คัมภีร์ หรือด้วยการทรมานตนและทาปาเซีย สิ่งต่างๆ เหล่านั้นคือเครื่องประกอบของหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา พ่อมาในเวลาของตนเอง เมื่อกลางคืนต้องถูกเปลี่ยนเป็นกลางวัน นั่นคือ เมื่อศาสนาจำนวนนับไม่ถ้วนจะต้องถูกทำลายและศาสนาเดียวถูกก่อตั้งขึ้นมา เมื่อวงจรโลกจบลงเท่านั้น พ่อจึงสร้างสวรรค์ได้ และอำนาจปกครองก็เริ่มต้นขึ้นทันที ลูกรู้ว่า ลูกจะไปเกิดกับราชา และโลกใหม่ก็จะค่อยๆถูกสร้างขึ้นมา ทุกสิ่งต้องถูกทำให้ใหม่ บาบาอธิบายแล้วว่า ดวงวิญญาณมีสันสการ์ของการศึกษาเล่าเรียนและแสดงการกระทำ เวลานี้ลูกๆ ควรที่จะกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ มนุษย์ทุกคนมีสำนึกที่เป็นร่าง เมื่อพวกเขามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณเท่านั้น พวกเขาจึงจดจำดวงวิญญาณสูงสุดได้ ก่อนอื่น มีเรื่องของการกลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ทุกคนพูดว่า พวกเขาคือผู้มีชีวิต พวกเขายังพูดอีกด้วยว่า ดวงวิญญาณไม่สูญสลายและร่างกายสูญสลาย ดวงวิญญาณทิ้งร่างหนึ่งและไปใช้อีกร่างหนึ่ง พวกเขาพูดสิ่งนี้แต่กลับไม่ได้ใช้ชีวิตเช่นนั้น เวลานี้ ลูกรู้ว่าดวงวิญญาณมาจากโลกที่ไร้ตัวตน พวกเขามีบทบาทที่ไม่สูญสลายอยู่ภายใน พ่อนั่งอยู่ที่นี่และอธิบายสิ่งนี้ ดวงวิญญาณกลับมาใช้ชาติเกิด ละครเกิดขึ้นซ้ำรอยเดิม จากนั้นทุกคน เช่น พระคริสต์ ฯลฯ ก็ต้องมา พวกเขามาในเวลาของตนเองเพื่อก่อตั้งศาสนาของตน เวลานี้นี่คือศาสนาบราห์มินแห่งยุคบรรจบพบกัน พราหมณ์เหล่านั้นคือผู้กราบไหว้บูชา ในขณะที่ลูกๆคือ ผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ลูกจะไม่เคยกราบไหว้บูชา ผู้คนทำการกราบไหว้บูชา ฯลฯ พ่ออธิบายว่า นี่เป็นการศึกษาที่ยิ่งใหญ่มาก ลูกต้องซึมซับให้มากๆ! การซึมซับทุกสิ่งอย่างลึกล้ำนั้นต่างลำดับกันไป โดยสรุปแล้ว ลูกเข้าใจว่า บาบาคือผู้สร้างและนี่คือสิ่งสร้างของท่าน อัจชะ อย่างน้อยลูกก็เข้าใจว่าท่านคือพ่อ ผู้เลื่อมใสศรัทธาทุกคนจดจำพ่อ มีผู้เลื่อมใสศรัทธาและลูกๆ ด้วย ผู้เลื่อมใสศรัทธาเรียกหา “บาบา” หากผู้เลื่อมใสศรัทธาเป็นพระเจ้า แล้วพวกเขากำลังเรียกหาใครเล่าตอนที่พูดว่า “บาบา” แค่นี้พวกเขาก็ยังไม่เข้าใจเลย! พวกเขาคิดว่าตนเองเป็นพระเจ้า พ่อพูดว่า ตามละครแล้ว เมื่อสภาพของบารัตได้กลายเป็นเช่นนั้น เมื่อบารัตตกอยู่ในสภาพสุดท้ายของมัน พ่อจึงมา เมื่อบารัตเก่าลงเท่านั้น มันจึงจะถูกทำให้ใหม่ได้อีกครั้ง เมื่อเป็นบารัตเคยใหม่ก็ไม่มีศาสนาอื่นๆ นั่นคือสวรรค์ เวลานี้บารัตนั้นเก่าแล้วจึงถูกเรียกว่านรก ที่นั่น พวกเราเคยมีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา ในขณะที่ที่นี่มีผู้กราบไหว้บูชา ความแตกต่างระหว่างผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาและผู้กราบไหว้บูชานั้นได้แสดงไว้ให้แก่ลูกๆแล้ว ฉันดวงวิญญาณเคยเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชา และฉันดวงวิญญาณเป็นผู้กราบไหว้บูชา ฉันดวงวิญญาณ คือดวงวิญญาณที่มีความรู้ ฉันดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณผู้กราบไหว้บูชา พระเจ้าไม่ใช่ผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาที่กลายเป็นผู้กราบไหว้บูชา นั่นคือการพูดถึงลักษมีและนารายณ์ ดังนั้นจึงควรที่จะเข้าไปสู่สติปัญญาของลูกว่า พวกเขาเป็นผู้ที่มีค่าควรแก่การกราบไหว้บูชาอย่างไร และกลายเป็นผู้กราบไหว้บูชาอย่างไร พ่อพูดว่า พ่อให้ความรู้เดียวกันนี้ในวงจรที่แล้วด้วย พ่อให้ความรู้ทุกวงจร พ่อมาในยุคบรรจบพบกันของวงจร ชื่อของพ่อคือผู้ชำระให้บริสุทธิ์ พ่อมาเมื่อทั้งโลกไม่บริสุทธิ์ ดูสิ นี่คือต้นไม้และบราห์มากำลังยืนอยู่ตรงส่วนยอด ก่อนอื่น เขาถูกแสดงไว้ในตอนเริ่มต้น เวลานี้ทุกคนอยู่ในวาระสุดท้าย เหมือนกับที่บราห์มาถูกเปิดเผยในเวลาสุดท้าย ทำนองเดียวกัน พวกเขาก็จะมาในเวลาสุดท้ายด้วย ยกตัวอย่าง พระคริสต์ก็จะมาในเวลาสุดท้ายเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เราไม่อาจแสดงรูปภาพของพระคริสต์ในตอนสุดท้ายได้ นั่นคือปลายสุดของกิ่ง เราอธิบายเกี่ยวกับสิ่งนั้นได้ เช่นเดียวกับที่มีประชาบิดาบราห์มาผู้นี้ที่ก่อตั้งศาสนาเทพยืนอยู่ตรงยอดของต้นไม้ ทำนองเดียวกัน พระคริสต์ก็ยังเป็นประชาบิดาด้วยเช่นกัน พ่อของผู้คนแห่งศาสนาคริสเตียน เช่นที่ผู้นี้คือประชาบิดาบราห์มา ดังนั้นจึงมีประชาบิดาคริสต์ และประชาบิดาพุทธ พวกเขาทุกคนคือผู้ก่อตั้งศาสนา แม้แต่สังคราจารย์ของซันยาสซีก็อาจถูกเรียกว่าพ่อ พวกเขาเรียกบุคคลเหล่านั้นว่ากูรู พวกเขาจะเรียกกูรูของตนว่า สังคราจารย์ ดังนั้นผู้ที่กำลังยืนอยู่ที่ตอนเริ่มต้นของกิ่งจะมาในตอนสุดท้ายหลังจากกลับมาใช้ชาติเกิด เวลานี้ ทุกคนตกอยู่ในสภาพตโมประธาน พวกเขายังจะมาเข้าใจอีกด้วย แน่นอนว่าพวกเขาจะมาคารวะพ่อในตอนสุดท้าย พวกเขายังจะได้รับการบอกให้จดจำพ่อที่ไร้ขีดจำกัดอีกด้วย พ่อที่ไร้ขีดจำกัดพูดกับทุกคนว่า จงทิ้งร่างกายและความสัมพันธ์ทางร่างทั้งหมดของลูก ความรู้นี้สำหรับผู้คนของทุกศาสนา ทุกคนต้องทิ้งร่างกายของตนและคิดว่าตนเองปราศจากร่างและจดจำพ่อ ยิ่งลูกอยู่ในการจดจำระลึกถึงและซึมซับความรู้มากเพียงไร ลูกจะรับสิทธิ์ในสถานภาพที่สูงขึ้นตามนั้น อย่างไรก็ตามพวกเขาเคยรับความรู้มากเพียงไรในวงจรที่แล้ว แน่นอนว่าพวกเขาจะมาและรับสิทธิ์นั้นอีกครั้ง ลูกๆ ควรมีความภูมิใจอันยิ่งใหญ่ที่เป็นลูกๆ ของพ่อผู้สร้างโลก พ่อกำลังทำให้พวกเรากลายเป็นนายของโลกและกำลังสอนราชาโยคะให้แก่พวกเรา นี่เป็นเรื่องที่ง่ายดายมาก อย่างไรก็ตาม ขณะที่กำลังเคลื่อนไหวไป มีความสงสัยเกี่ยวกับเรื่องเล็กๆ น้อยๆเกิดขึ้น เหล่านี้คือพายุของมายาหรือข้อสอบ พ่อพูดว่าถึงอย่างไร ลูกก็ต้องอาศัยอยู่ที่บ้านกับครอบครัว หากพ่อบอกทุกคนให้ทิ้งครอบครัว พวกเขาทุกคนก็จะมานั่งอยู่ที่นี่ ลูกยังต้องผ่านทุกการปฏิสัมพันธ์อีกด้วย แล้วเมื่อถึงเวลา ลูกก็จะยุ่งอยู่กับงานรับใช้ ผู้ที่ทิ้งธุรกิจของตน ฯลฯ ก็จะถูกทำให้ไม่ว่างเว้นในงานรับใช้ แล้วบางคนก็อยู่อย่างเสียอารมณ์ บางคนเข้าใจว่ามีประโยชน์ในการทำตามศรีมัท แน่นอนว่าลูกต้องทำตามศรีมัท เมื่อลูกได้รับคำสั่ง ลูกต้องไม่มีข้ออ้าง พ่อคือผู้ให้คุณประโยชน์ในทุกสิ่ง มายาร้ายกาจมาก มีลูกๆ หลายคนที่คิดว่าแทนที่จะมีชีวิตอยู่แบบนี้ ทำธุรกิจหรือแต่งงานยังจะดีกว่า สติปัญญาของพวกเขาหมุนไปเรื่อยๆ แล้วพวกเขาก็หยุดศึกษาเล่าเรียน บางคนรับรองกับพ่อว่า พวกเขาจะทำตามศรีมัทอย่างแน่นอน เหล่านั้นคือคำสั่งของปีศาจ และเหล่านี้คือคำสั่งของพระเจ้า เมื่อมีการทำตามคำสั่งของปีศาจ การลงโทษที่รุนแรงมากก็จะเกิดขึ้น เพื่อทำให้ผู้คนหวาดกลัวจนกระทั่งไม่ทำบาปเพิ่มขึ้น พวกเขาจึงได้เขียนเรื่องราวที่น่ากลัวไว้ในการูดาปูรานา อย่างไรก็ตาม พวกเขาก็ยังไม่ปรับปรุงตัวเอง พ่ออธิบายทุกเรื่องนี้ มนุษย์ไม่อาจเป็นมหาสมุทรแห่งความรู้ได้ พ่อผู้ที่เต็มไปด้วยความรู้ มหาสมุทรแห่งความรู้กำลังอธิบายให้แก่ลูกๆ ผู้ที่เข้าใจแล้วอธิบายแก่ผู้อื่นที่พูดว่า นี่เป็นสิ่งที่ดีมาก เราจะมาอีก อย่างไรก็ตาม ก็เท่านั้นเอง! ทันทีที่พวกเขาออกจากนิทรรศการไป ทุกสิ่งก็จบ ใช่ หากมีสักสองถึงสามคนปรากฏขึ้นมา นั่นก็ยังดี ประชากรจำนวนมากถูกสร้างขึ้นมาอย่างต่อเนื่อง แทบจะไม่มีผู้ที่มีค่าควรแก่การรับสิทธิ์ในมรดกปรากฏขึ้นมาเลย ราชาและราชินีจะมีลูกหนึ่งหรือสองคน พวกเขาคือราชนิกุล มีประชากรจำนวนมากเหลือเกิน ประชากรถูกสร้างขึ้นมาอย่างรวดเร็วมาก แต่ไม่มีราชาถูกสร้างขึ้นมาเลย จนถึงปลายยุคเงินจะมี 16,108 ในขณะที่มีประชากรจำนวนนับล้าน สติปัญญาที่ไร้ขีดจำกัดและกว้างไกลอย่างยิ่งนั้นมีความจำเป็นเพื่อที่จะเข้าใจสิ่งนี้ เรากำลังรับสิทธิ์ในมรดกของเราจากพ่อเหนือโลก คำสั่งของพ่อคือ จงจดจำพ่อและมรดกของลูก มานมานะบาฟ และมาเดียจิภาฟ สวรรค์คือดินแดนของวิษณุ ในขณะที่นี่คือดินแดนของราวัน พ่ออธิบายว่า มีดินแดนแห่งความสงบ ดินแดนแห่งความสุข และดินแดนแห่งความทุกข์ ด้วยการจดจำพ่อ ความคิดสุดท้ายของลูกจะนำลูกไปสู่จุดหมายปลายทาง ในหนทางของความเลื่อมใสศรัทธา พวกเขาจดจำกฤษณะ แต่นั่นไม่ได้หมายความว่า พวกเขาจะไปสู่ดินแดนของกฤษณะ ไม่เลย บางทีในการเข้าฌาน พวกเขาจะไปและร่ายรำอยู่ในดินแดนของกฤษณะแล้วก็กลับมา นั่นเป็นอิทธิพลจากความเลื่อมใสศรัทธาอันแรงกล้าที่ทำให้พวกเขาสมหวังในความปรารถนาด้วยการได้รับนิมิต อย่างไรก็ตาม สัตยุคคือสัตยุค ลูกต้องศึกษาเล่าเรียนอย่างจริงจังเพื่อไปที่นั่น ลูกไม่ต้องทำพิธีแสดงความเลื่อมใสศรัทธาที่จริงจัง จงศึกษาเล่าเรียนอย่างต่อเนื่อง แน่นอนว่าลูกต้องศึกษามุรลี แน่นอนว่าลูกต้องไปศูนย์ ไม่เช่นนั้นก็รับมุรลีและศึกษามุรลีที่บ้าน บางคนถูกบอกให้ไปศูนย์ แต่ละคนนั้นแตกต่างกันไป ทุกคนไม่ได้ตกอยู่ในสถานการณ์เดียวกัน บาบาไม่ได้พูดว่า จงรับประทานอาหารที่ลูกได้รับหลังจากที่ลูกให้ดริชตีแล้วก็เท่านั้นเอง! ไม่ บาบาพูดว่า ในสถานการณ์ที่ไม่มีทางเลือก เมื่อลูกไม่อาจทำสิ่งใดได้ จงให้ดริชตีแก่อาหารแล้วจึงรับประทาน บาบาจะไม่พูดแบบนี้กับทุกคน ยกตัวอย่าง บาบาพูดกับบางคนว่า ลูกไปดูภาพยนตร์ได้ อย่างไรก็ตาม สิ่งนี้ไม่ได้ใช้กับทุกคน ลูกอาจจะต้องไปเป็นเพื่อนบางคน ดังนั้นลูกจึงต้องให้ความรู้แก่ผู้นั้นด้วยว่า นั่นเป็นละครที่มีขีดจำกัด ในขณะที่นี่คือละครที่ไร้ขีดจำกัด ดังนั้น ลูกต้องทำงานรับใช้ ไม่ใช่ว่าลูกต้องไปที่นั่นเพียงแค่ดูภาพยนตร์เท่านั้น ลูกต้องไปยังลานเผาศพ และทำงานรับใช้ที่นั่นด้วย อัจชะ

ถึงลูกๆที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต
 
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:

1. พิจารณาว่ามีคุณประโยชน์ในทุกสิ่งที่พ่อบอกลูก และเคลื่อนไปข้างหน้าอย่างต่อเนื่องด้วยศรัทธาที่มั่นคงในสติปัญญาของลูก อย่าปล่อยให้มีความสงสัยเกิดขึ้น เข้าใจศรีมัทอย่างถูกต้องแม่นยำ

2. ฝึกฝนที่จะมีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ นักแสดงแต่ละคนมีบทบาทอันเป็นนิรันด์ในละคร ดังนั้น ฝึกที่จะมองดูละครอย่างเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง

พร:
ขอให้ลูกมีค่าควรแก่การได้รับพรโดยการเห็นคุณสมบัติพิเศษของแต่ละคน และใช้คุณสมบัติพิเศษเหล่านั้นเพื่องานรับใช้

บัพดาดามีความรักในคุณสมบัติพิเศษของลูกแต่ละคน และด้วยเหตุนี้ท่านจึงมีความรักต่อทุกคน เพราะลูกแต่ละคนก็มีคุณสมบัติพิเศษอย่างใดอย่างหนึ่ง ในทำนองเดียวกัน ลูกจงมองที่คุณสมบัติพิเศษของแต่ละคนด้วย เช่นเดียวกับที่หงส์เลือกเก็บไข่มุกไม่ใช่ก้อนหิน ทำนองเดียวกัน ลูกเป็นหงส์ที่ศักดิ์สิทธิ์ หน้าที่ของลูกคือการมองเห็นคุณสมบัติพิเศษของแต่ละคน และใช้คุณสมบัติพิเศษของพวกเขาเพื่องานรับใช้ ทำให้พวกเขามีความกระตือรือร้นกับคุณสมบัติพิเศษของพวกเขา และทำให้พวกเขาใช้คุณสมบัติพิเศษนั้นเพื่องานรับใช้ และลูกจะได้รับพรของพวกเขา และลูกก็ยังจะได้รับส่วนแบ่งจากงานรับใช้ที่พวกเขาทำด้วยเช่นกัน

คติพจน์:
จงอยู่ในรูปรวมกับบัพดาดาในลักษณะที่ว่าผู้อื่นจะได้รับการเตือนของพ่อโดยผ่านลูก