04.11.18
Avyakt Bapdada
Thai
Murli
24.02.84 Om Shanti
Madhuban
ชาติเกิดบราห์มินคือชาติเกิดของการจุติลงมา
บัพดาดาเข้ามาในเสียงเพื่อพาทุกคนเข้าไปอยู่ในสภาพที่อยู่เหนือเสียง
ท่านมายังโลกที่มีตัวตนและเข้ามาในร่างกายที่มีตัวตนเพื่อทำให้ลูกอะแวค(ละเอียดอ่อน)
ลูกได้จุติอวตารลงมาในร่างที่มีตัวตนของลูกในขณะที่อยู่ในสภาพที่อะแวคและพิจารณาตนเองว่าเป็นเทวดานางฟ้าที่ละเอียดอ่อนอยู่เสมอหรือไม่?
ลูกทุกคนเป็นผู้ที่จุติอวตารลงมาที่ได้เกิดใหม่
ด้วยการทำทุกการกระทำในสำนึกรู้นี้ลูกจะกลายเป็นผู้ที่จุติลงมาที่มีสภาพที่คาร์มาทีท(อยู่เหนือบ่วงกรรม)
ที่ปราศจากบ่วงกรรมใดๆ
การจุติอวตารลงมาหมายถึงใครบางคนที่ลงมาที่นี่จากเบื้องบนเพื่อที่จะแสดงการกระทำที่สูงส่ง
ลูกทั้งหมดก็เช่นกันด้วยสภาพที่สูงส่งของลูกจากเบื้องบนและได้รับการค้ำจุนของร่างกาย
เข้ามาในร่างเก่า ในโลกเก่าเพื่อดำเนินการกระทำสำหรับงานรับใช้
อย่างไรก็ตามสภาพของลูกยังคงอยู่ในระดับที่สูงเช่นนั้นและเหตุนี้เองที่ลูกได้จุติอวตารลงมา
ผู้ที่จุติลงมาจะนำสาส์นจากพระเจ้ามา
ลูกทั้งหมดดวงวิญญาณที่สูงส่งของยุคบรรจบพบกันได้ลงมาเกิดใหม่เพื่อที่จะให้สาส์นของพระเจ้าและเพื่อให้ทุกคนสามารถได้พบกับพระเจ้าด้วยเช่นกัน
ร่างกายนั้นเวลานี้ไม่ใช่ของลูกอีกต่อไปแล้ว
ลูกได้ให้แม้กระทั่งร่างกายของลูกกับพ่อ ลูกพูดว่า
ทุกสิ่งเป็นของท่านและดังนั้นจึงไม่มีอะไรเป็นของฉัน
พ่อให้ลูกยืมร่างกายนั้นเพื่องานรับใช้ ลูกไม่มีสิทธิ์กับบางสิ่งที่ลูกได้ขอยืมไป
ในเมื่อร่างนั้นไม่ใช่ของลูก แล้วลูกมีจิตสำนึกที่เป็นร่างได้อย่างไร?
ดวงวิญญาณเป็นของพ่อและร่างกายก็เป็นของพ่อด้วยเช่นกัน แล้ว “ฉัน” และ “ของฉัน”
มาจากไหน? เวลานี้มีเพียงจิตสำนึกของ“ฉัน” ที่ไม่มีขีดจำกัดเท่านั้น “ฉัน”
เป็นของพ่อ เช่นเดียวกับพ่อ ฉันก็เป็นนาย ดังนั้นนี่คือจิตสำนึกของ “ฉัน”
ที่ไม่มีขีดจำกัด จิตสำนึกของ“ฉัน” ที่มีขีดจำกัดนำมาซึ่งอุปสรรค จิตสำนึกของ “ฉัน”
ที่ไม่มีขีดจำกัดทำให้ลูกเป็นอิสระจากอุปสรรคและเป็นผู้ทำลายอุปสรรค
ในทำนองเดียวกันจิตสำนึกของ “ฉัน” ที่มีขีดจำกัด ทำให้ลูกไปสู่การควงหมุนของ “ของฉัน”
ในขณะที่จิตสำนึกของ “ฉัน” ที่ไม่มีขีดจำกัด
ปลดปล่อยลูกจากการควงหมุนทั้งหมดเป็นเวลาหลายชาติเกิด
จิตสำนึกของ“ฉัน” ที่ไม่มีขีดจำกัดคือ “บาบาของฉัน” ดังนั้นที่มีขีดจำกัดจึงทิ้งไป
กลายเป็นผู้ที่จุติลงมาด้วยการค้ำจุนของร่างกายและมาเพื่อดำเนินการกระทำสำหรับงานรับใช้
พ่อได้ให้การยืมแก่ลูก
นั่นคือพ่อมอบบางสิ่งให้กับลูกด้วยความไว้วางใจเพื่องานรับใช้
ลูกไม่สามารถทำสิ่งนั้นกับสิ่งใดที่ไร้ประโยชน์
มิฉะนั้นสิ่งนั้นก็จะสร้างบัญชีของความไม่ซื่อสัตย์เกี่ยวกับสมบัติที่มีค่าที่ได้ให้แก่ลูกด้วยความไว้วางใจ
ผู้ที่จุติลงมาเกิดจะไม่สร้างบัญชีของการสูญเสีย
ผู้ที่จุติลงมาเกิดจะมาให้สาส์นและจากไป
ลูกทุกคนได้รับชาติเกิดบราห์มินนี้เพื่อประโยชน์ในงานรับใช้และให้สาส์น
ชาติเกิดบราห์มินคือชาติเกิดที่ลูกได้เกิดใหม่ มันไม่ใช่การเกิดที่ธรรมดา
ดังนั้นจงพิจารณาตนเองว่าได้จุติลงมาเกิดใหม่เพื่อที่จะเป็นดวงวิญญาณผู้ให้คุณประโยชน์ต่อโลก
ดวงวิญญาณที่สูงส่งอย่างสม่ำเสมอ รักษาศรัทธาและความซาบซึ้งนี้ไว้
ลูกมาที่นี่เป็นระยะเวลาชั่วคราวแล้วลูกก็ต้องกลับไปด้วยเช่นกัน
เวลานี้ลูกจดจำอยู่เสมอหรือไม่ว่าลูกต้องกลับไป? ลูกเป็นผู้ที่จุติอวตารลงมาเกิด
ลูกมาเวลานี้แล้วลูกก็ต้องกลับไป
สำนึกรู้นี้จะทำให้ลูกได้รับประสบการณ์ของการอยู่เหนือและมีการบรรลุผลที่ไม่มีขีดจำกัด
ในด้านหนึ่งอยู่เหนือและอีกด้านหนึ่งมีการบรรลุผลที่ไม่มีขีดจำกัด
ทั้งสองประสบการณ์เกิดขึ้นพร้อมกัน ลูกเป็นภาพลักษณ์ของประสบการณ์เช่นนั้นหรือไม่?
อัจชะ
เวลานี้จงนำทุกสิ่งที่ลูกได้ยินไปใช้ในรูปปฏิบัติ การฟังหมายถึงการกลายเป็น
วันนี้บาบาได้มาเพื่อพบกับผู้ที่ทัดเทียมของท่านโดยเฉพาะ ลูกทั้งหมดทัดเทียมใช่มั้ย?
ครูที่แท้จริงได้มาพบกับครูที่เป็นเครื่องมือ
ท่านได้มาเพื่อพบกับมิตรในงานรับใช้ของท่าน อัจชะ
แด่ผู้ที่เป็นตัวของสำนึกรู้ของจิตสำนึกของ "ฉัน" ที่ไม่มีขีดจำกัดอยู่เสมอ
แด่ผู้ที่อยู่อย่างมั่นคงอย่างสม่ำเสมอ ในรูปที่มีพลังที่ไม่มีขีดจำกัดของ “ของฉันคือพ่อผู้เดียวเท่านั้น”
แด่ลูกที่อยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่สูงส่ง
ผู้ที่รับการค้ำจุนของร่างกายอย่างเป็นผู้ที่จุติอวตารลงมาเกิด รัก ระลึกถึง
และนมัสเต จาก บัพดาดา
บัพดาดาพบครู:
นี่คือชุมนุมของผู้ที่เป็นดวงวิญญาณที่เฝ้าแต่ทำงานรับใช้อย่างสม่ำเสมอใช่หรือไม่?
ลูกพิจารณาตนเองว่าเป็นผู้รับใช้โลกไม่มีขีดจำกัดหรือไม่?
ลูกไม่ใช่ผู้รับใช้ที่มีขีดจำกัดใช่ไหม? ลูกทั้งหมดไม่มีขีดจำกัดใช่ไหม?
หากมีลูกคนใดคนหนึ่งถูกส่งจากที่หนึ่งไปยังอีกที่หนึ่งลูกพร้อมหรือไม่?
ลูกทั้งหมดเป็นนกที่โบยบินหรือไม่?
ลูกเป็นนกที่โบยบินแม้ว่าจะมีกิ่งก้านของจิตสำนึกที่เป็นร่าง
กิ่งก้านที่ดึงลูกไปสู่ตัวมันเองมากที่สุดคือจิตสำนึกของการเป็นร่างกายนี้
การดึงดูดที่น้อยที่สุดต่อสันสการ์เก่านั้นหมายความว่ามีจิตสำนึกของร่างกาย “ธรรมชาติของฉันเป็นเช่นนี้
สันสการ์ของฉันเป็นเช่นนี้ วิถีชีวิตของฉันเป็นเช่นนี้ นิสัยของฉันเป็นเช่นนี้”
ทั้งหมดนี้เป็นสิ่งชี้บอกของจิตสำนึกที่เป็นร่าง
ลูกผู้เป็นนกได้โบยบินไปจากกิ่งก้านนี้หรือไม่? สิ่งนี้เรียกว่าสภาพคาร์มาทีท
ไม่มีบ่วงใดๆเลย คาร์มาทีทไม่ได้หมายความว่าลูกจะเป็นอิสระจากการกระทำ
แต่เป็นอิสระจากบ่วงของการกระทำ ดังนั้นการกระทำของร่างกาย สิ่งนี้หมายความว่า
ตัวอย่างเช่น บางคนมีธรรมชาติของการใช้ชีวิตอย่างสะดวกสบาย
ของการรับประทานอาหารอย่างสะดวกสบายในเวลาที่ถูกต้อง
และของการทำทุกสิ่งในเวลาที่ถูกต้อง
บ่วงของกรรมนี้จะดึงลูกเข้าไปหาตัวมันเองด้วยเช่นกัน จงอยู่เหนือบ่วงนี้
นั่นคือแม้กระทั่งนิสัยของกรรมนี้ เพราะลูกเป็นเครื่องมือ
ลูกจะทำให้ผู้อื่นเป็นอิสระได้อย่างไร
จนกว่าลูกผู้เป็นเครื่องมือทั้งหมดจะเป็นอิสระจากบ่วงของกรรมและสันสการ์และธรรมชาติของร่างกาย
ตัวอย่างเช่นการเจ็บป่วยของร่างกายเป็นความทุกข์ทรมานของกรรม
ในทำนองเดียวกันหากบ่วงกรรมใดๆดึงลูกเข้าไปหาตัวมันความทุกข์ทรมานของกรรมนั้นก็สร้างอุปสรรคด้วยเช่นกัน
เมื่อความเจ็บป่วยทางร่างกายและความทุกข์ทรมานของกรรมบางอย่างดึงลูกซ้ำๆมันคือความเจ็บปวดที่ดึงลูกใช่หรือไม่?
แล้วลูกก็พูดว่า ฉันจะทำอย่างไร? หรือไม่เช่นนั้น ฉันก็สบายดี
แต่มีความทุกข์ทรมานของกรรมอย่างรุนแรง
ในทำนองเดียวกันถ้าหากสันสการ์เก่าธรรมชาติหรือนิสัยเก่าใดๆดึงลูกโดยเฉพาะ
นั่นก็เป็นความทุกข์ทรมานของกรรมด้วยเช่นกัน
ความทุกข์ทรมานของกรรมประเภทใดก็ตามจะไม่ยอมให้ลูกกลายเป็นคาร์มาโยคี
ดังนั้นจงอยู่เหนือสิ่งนี้ด้วยเช่นกัน เพราะเหตุใด?
ลูกทั้งหมดเป็นดวงวิญญาณที่จะประกาศสิทธิ์สิทธิ์ในอันดับหนึ่ง
ความหมายของอันดับหนึ่งคือ เป็นผู้ที่มีชัยชนะในทุกสิ่ง และไม่มีสิ่งใดขาดหายไป
ความหมายของครูคือการเป็นผู้ที่ด้วยภาพลักษณ์ของตนเองให้ประสบการณ์ของพ่อบราห์มาในสภาพที่คาร์มาทีทและของพ่อชีว่าที่มีความรักและละวางอย่างสม่ำเสมอ
ดังนั้นลูกมีคุณสมบัติพิเศษนี้หรือไม่? ลูกเป็นเพื่อนใช่ไหม?
ลูกกลายเป็นเพื่อนได้อย่างไร?
ลูกไม่สามารถเป็นเพื่อนกับใครบางคนโดยที่ไม่มีความทัดเทียมกัน
ดังนั้นลูกทั้งหมดเป็นเพื่อนของพ่อ ลูกเป็นเพื่อนของพระเจ้า
ความทัดเทียมกันคือการมีมิตรภาพ ลูกคือผู้ที่วางรอยเท้าของลูกไว้ในย่างก้าวของพ่อ
เพราะลูกเป็นเพื่อนและเป็นคนรักของผู้เป็นที่รักด้วยเช่นกัน
ดังนั้นคนรักจะวางรอยเท้าของพวกเขาในย่างก้าวของผู้เป็นที่รักของพวกเขา
นี่คือระบบใช่หรือไม่? พวกเขาให้ผู้ที่เป็นคู่ทำสิ่งใดเมื่อพวกเขาแต่งงานกัน?
นี่คือสิ่งที่พวกเขาให้ผู้ที่เป็นคู่ทำใช่หรือไม่? แล้วระบบนี้ถูกสร้างขึ้นมาจากไหน?
มันถูกสร้างขึ้นมาจากลูก ของลูกคือเท้าของสติปัญญา
แต่พวกเขาเข้าใจว่ามันเป็นเท้าของร่างกาย
ลูกเป็นดวงวิญญาณเครื่องมือที่มีความสัมพันธ์พิเศษที่เติมเต็มความรับผิดชอบของทุกความสัมพันธ์
ครูผู้เป็นเครื่องมือมีวิธีที่ง่ายดายมากกว่าของผู้อื่น
คนอื่นๆยังคงต้องรักษาความสัมพันธ์ของพวกเขาไว้
ในขณะที่ความสัมพันธ์ของลูกอยู่กับงานรับใช้และพ่อเสมอ
แม้กระทั่งในขณะที่ลูกกำลังดำเนินงานทางโลกลูกก็จำได้เสมอว่ามันถึงเวลาแล้วสำหรับลูกที่จะไปทำงานรับใช้
ไม่ว่าลูกจะทำงานทางโลกเพื่อใครก็ตาม ลูกจะมีสำนึกรู้ของผู้นั้นโดยอัตโนมัติ
ยกตัวอย่างเช่น ในโลก
พ่อแม่หารายได้มาก็เพื่อลูกๆของพวกเขาและพวกเขาก็จะจำลูกๆของพวกเขาได้โดยอัตโนมัติ
ดังนั้นเมื่อลูกกำลังทำงานทางโลกของลูก ลูกกำลังทำสิ่งนั้นเพื่อใคร?
ลูกกำลังทำสิ่งนั้นเพื่อตัวลูกเองหรือเพื่องานรับใช้?
ยิ่งลูกใช้เพื่องานรับใช้มากเท่าไรลูกก็ยิ่งมีความสุขมากเท่านั้น
อย่าได้ทำงานในขณะที่คิดว่าลูกกำลังทำงานทางโลก
สิ่งนี้เช่นกันก็เป็นวิธีของงานรับใช้ มันมีรูปที่ต่างกัน
แต่มันก็ยังคงเป็นรูปของงานรับใช้
มิฉะนั้นถ้าเป็นงานรับใช้ทางโลกและลูกไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกที่จะทำงานรับใช้
ลูกก็จะคิดเกี่ยวกับสิ่งนี้ว่าลูกจะได้บางสิ่งบางอย่างจากที่ไหน “ฉันไม่สามารถจัดการได้
ฉันไม่รู้ว่ามันจะเกิดขึ้นเมื่อไร” ความคิดเหล่านี้ไม่ทำให้ลูกเสียเวลาหรือ?
ดังนั้นอย่าได้พูดว่าลูกกำลังทำงานทางโลก นี่เป็นงานที่ไม่ใช่ทางโลก
แต่เป็นไปเพื่อประโยชน์ของงานรับใช้ แล้วลูกจะไม่มีวันรู้สึกว่าสิ่งนั้นเป็นภาระ
มิฉะนั้นบางครั้งลูกก็จะกลับมาหนักหน่วง “ฉันต้องทำสิ่งนี้ไปอีกนานแค่ไหน?
อะไรจะเกิดขึ้น?” นี่เป็นวิธีสำหรับลูกทุกคนที่จะสร้างรางวัลของลูกได้อย่างง่ายดาย
มีสามสิ่งด้วยกันคือ ร่างกายจิตใจและทรัพย์สมบัติ
หากลูกใช้ทั้งสามสิ่งนี้เพื่องานรับใช้แล้วใครที่จะได้รับผลจากทั้งสามสิ่งนี้?
ลูกจะได้รับสิ่งนี้หรือพ่อจะได้รับ?
การที่จะสามารถสร้างรางวัลของลูกในทั้งสามวิธีคือรางวัลที่เพิ่มขึ้นให้กับผู้อื่น
ดังนั้นอย่าได้มีความหนักหน่วงเกี่ยวกับสิ่งนี้ เพียงแค่เปลี่ยนแรงจูงใจของลูก
ไม่ใช่เพื่อทางโลก แต่เพื่องานรับใช้ที่ไม่ใช่ทางโลก เปลี่ยนแรงจูงใจนี้
ลูกเข้าใจไหม? แล้วลูกก็จะกลับมาอุทิศตนในสองทาง ลูกอุทิศตนด้วยทรัพย์สมบัติของลูก
ทุกสิ่งสำหรับพ่อ ความหมายของการอุทิศตนคืออะไร? ไม่ว่าลูกมีสิ่งใดก็เป็นไปเพื่อพ่อ
นั่นคือเพื่องานรับใช้ นี่คือการอุทิศตน ผู้ที่ไม่ได้อุทิศตนยกมือขึ้น!
เราจะมีพิธีสำหรับพวกเขา ลูกได้สร้างเด็กๆด้วยเช่นกันและลูกบอกว่าลูกไม่ได้อุทิศตน
ลูกกำลังเฉลิมฉลองวันครบรอบการแต่งงานของลูก ดังนั้นอย่าพูดว่าลูกยังไม่ได้แต่งงาน
ลูกคิดอย่างไร ทั้งกลุ่มอุทิศตนแล้วใช่มั้ย?
บัพดาดายกย่องลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์เป็นอย่างมาก
และครูที่เป็นเครื่องมือในสถานที่ต่างประเทศ ท่านไม่ได้ยกย่องลูกเพียงเพื่อประโยชน์
แต่ลูกทำความเพียรพยายามเป็นพิเศษด้วยความรักเป็นอย่างมาก
ลูกต้องเพียรพยายามเป็นอย่างมาก แต่เนื่องจากความรักลูกไม่รู้สึกว่าเป็นความพยายาม
ดูซิ ลูกเตรียมกลุ่มต่างๆและพาพวกเขามาที่นี่จากที่ที่ไกลมาก
ดังนั้นบัพดาดาจึงอุทิศตัวท่านเองให้กับลูกๆเนื่องจากความพยายามที่ลูกได้ทำ
ลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ซึ่งเป็นผู้รับใช้ที่เป็นเครื่องมือมีคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งที่ดีมาก
ลูกรู้หรือไม่ว่าคุณสมบัติพิเศษนั้นคืออะไร? (คุณสมบัติมากมายปรากฏออกมา)
ไม่ว่าคุณสมบัติพิเศษใดปรากฏออกมา จงตรวจสอบตนเอง
และถ้าคุณสมบัติเหล่านั้นหายไปแล้วจงเติมตนเองด้วยคุณสมบัตินั้น
เพราะสิ่งดีๆมากมายปรากฏออกมา
บัพดาดากำลังบอกลูกว่าท่านได้เห็นคุณสมบัติพิเศษอย่างหนึ่งของลูกผู้รับใช้ดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์
นั่นคือ
ไม่ว่าบัพดาดาจะให้การกำหนดทิศทางหรือคำแนะนำใดๆลูกก็ทำสิ่งนั้นและนำสิ่งนั้นไปใช้ในรูปปฏิบัติ
ไม่ว่าลูกจะต้องทำความพยายามมากมายแค่ไหนลูกก็ต้องทำสิ่งนั้นในทางปฏิบัติอย่างแน่นอน
เป้าหมายในทางปฏิบัตินี้ดีมาก เช่นที่บัพดาดาพูดว่าพวกเขาต้องนำกลุ่มมา
พวกเขาก็นำกลุ่มมา
บัพดาดาบอกว่าลูกต้องรับใช้วีไอพี และในตอนแรกลูกเคยพูดว่านี่เป็นเรื่องที่ยากมาก
แต่ลูกก็ยังรักษาความกล้าหาญที่จะต้องทำสิ่งนั้น
ดังนั้นขณะนี้เป็นเวลาสองปีกลุ่มทั้งหลายก็ได้มาแล้ว
ลูกเคยพูดว่าเป็นเรื่องที่ยากมากสำหรับวีไอพีที่จะมาที่นี่จากลอนดอน
อย่างไรก็ตามเวลานี้ลูกได้แสดงให้เห็นตัวอย่างในทางปฏิบัติแล้ว
เวลานี้แม้กระทั่งผู้ที่มาจากบารัตก็ได้นำประธานาธิบดีมาที่นี่
อย่างไรก็ตามลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์มีความกระตือรือร้นที่จะต้องดำเนินการตามทิศทางหรือคำแนะนำใดที่ลูกได้รับอย่างแน่นอน
และความรักที่ลูกมีต่อการทำสิ่งนั้นเป็นสิ่งที่ดีมาก
เมื่อได้เห็นผลลัพธ์ในทางปฏิบัติ บัพดาดาก็ร้องเพลงสรรเสริญคุณสมบัติพิเศษของลูก
การเปิดศูนย์เป็นเรื่องของอดีต
ลูกจะเฝ้าแต่เปิดศูนย์ต่อไปเรื่อยๆเพราะลูกมีสิ่งอำนวยความสะดวกทั้งหมดที่นั่นอย่างง่ายดาย
ลูกสามารถไปจากที่นี่แล้วก็ไปเปิดศูนย์ที่นั่น
บารัตไม่มีสิ่งอำนวยความสะดวกเหล่านี้ ดังนั้นการเปิดศูนย์ไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่
แต่เวลานี้ลูกจะต้องเตรียมดวงวิญญาณทายาทที่มีคุณภาพที่ดีมากเช่นนั้น
หนึ่งคือการเตรียมดวงวิญญาณทายาทที่มีคุณภาพและอีกหนึ่งคือการเตรียมผู้ที่มีพลังในการกระจายเสียง
ทั้งสองมีความจำเป็น ทายาทที่มีคุณภาพ – ตัวอย่างเช่น
ด้วยความจริงจังและความกระตือรือร้นในการทำงานรับใช้ ลูกได้อุทิศร่างกาย จิตใจ
และทรัพย์สมบัติด้วยสติปัญญาของลูก -
ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นทายาทที่มีคุณภาพ
ดังนั้นลูกต้องทำให้ดวงวิญญาณทายาทที่มีคุณภาพปรากฏออกมาด้วยเช่นกัน
ให้มีความใส่ใจเป็นพิเศษในเรื่องนี้
ทุกศูนย์ให้มีดวงวิญญาณทายาทที่มีคุณภาพเช่นนั้น
แล้วศูนย์นั้นจะกลายเป็นอันดับหนึ่งของศูนย์ทั้งหมด
หนึ่งคือการให้ความร่วมมือในงานรับใช้ และอีกหนึ่งคือการอุทิศตนเองอย่างสมบูรณ์
มีทายาทเช่นนั้นมากแค่ไหน? มีทายาทเช่นนั้นในทุกศูนย์หรือไม่?
มีรายชื่อที่ยาวที่ลูกได้สร้างขึ้นมาในนักเรียนของพระเจ้าและผู้ที่ให้ความร่วมมือในงานรับใช้
แต่มีเพียงบางคนเท่านั้นที่เป็นทายาท
ใครก็ตามที่ได้รับคำแนะนำหรือการกำหนดทิศทางในช่วงเวลาใด
ไม่ว่าศรีมัทใดก็ตามที่ลูกยังคงได้รับอย่างต่อเนื่อง
จงเฝ้าแต่เคลื่อนไปข้างหน้าตามนั้น ดังนั้นรักษาเป้าหมายทั้งสองไว้
ลูกต้องสร้างประเภทนี้และประเภทนั้นด้วยเช่นกัน
ดวงวิญญาณทายาทที่มีคุณภาพเช่นนั้นสามารถกลายเป็นเครื่องมือในการเปิดศูนย์มากมาย
สิ่งนี้จะเฝ้าแต่เกิดขึ้นในทางปฏิบัติเมื่อลูกมีเป้าหมาย
เวลานี้ลูกเข้าใจในคุณสมบัติพิเศษของลูกแล้วหรือยัง? อัจชะ
ถึงอย่างลูกก็มีความพอใจอยู่แล้ว หรือลูกต้องถูกขอให้มี?
ลูกเป็นผู้ที่ทำให้ผู้อื่นพอใจ
ดังนั้นผู้ที่ทำให้ผู้อื่นพอใจจะมีความพอใจในตนเองอยู่แล้วใช่หรือไม่?
ลูกไม่ขึ้นลงเมื่อลูกเห็นว่าบางครั้งมีงานรับใช้น้อยมากใช่ไหม?
เมื่อมีอุปสรรคที่ศูนย์ลูกก็ไม่ได้หวาดกลัวกับการเห็นอุปสรรคใช่ไหม?
ตัวอย่างเช่นถ้าอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดเกิดขึ้นหรือมือดีๆกลับมาต่อด้านและทำให้เกิดความวุ่นวายในงานรับใช้ของลูก
แล้วลูกจะทำอย่างไร? ลูกจะหวาดกลัวไหม?
ผู้ที่มีความเมตตาต่อบุคคลนั้นในขณะที่มีความรู้สึกของการให้คุณประโยชน์ -
นั่นเป็นเรื่องที่ต่างกัน
อย่างไรก็ตามหากสภาพของลูกขึ้นลงหรือลูกมีความคิดที่ไร้ประโยชน์แล้วนั่นก็คือการขึ้นลง
ดังนั้นอย่าสร้างโลกด้วยความคิดของลูก อย่าให้ความคิดเหล่านั้นทำให้ลูกขึ้นลง
สิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าเป็นสภาพที่ไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
อย่าให้เป็นเช่นนั้นที่ลูกไม่ระมัดระวังโดยการคิดว่ามันไม่ใช่เรื่องใหม่
จงทำงานรับใช้และมีเมตตาต่อผู้นั้นและอย่าได้ขึ้นลง
ดังนั้นอย่าได้ไม่ระมัดระวังและอย่าได้เริ่มมีความรู้สึกประเภทใด
ลูกสามารถอยู่ในบรรยากาศหรือสภาพแวดล้อมประเภทใดก็ตาม
แต่จงอยู่อย่างไม่ไหวหวั่นสั่นคลอน
เมื่อบุคคลที่เป็นเครื่องมือให้คำแนะนำแก่ลูกอย่าได้มีความสับสนกับสิ่งนั้น
อย่าได้สงสัยว่าทำไมบุคคลนั้นถึงบอกลูกหรือว่าจะเกิดอะไรขึ้น
ผู้ที่เป็นเครื่องมือมีประสบการณ์แล้ว และจากผู้ที่กำลังเคลื่อนไปในทางปฏิบัติ
บางคนก็ใหม่ ในขณะที่คนอื่นๆเก่าแก่กว่าเล็กน้อย
ดังนั้นเมื่อสถานการณ์ใดๆมาอยู่เบื้องหน้าของพวกเขาแล้ว เนื่องจากสถานการณ์นั้น
พวกเขาไม่มีสติปัญญาที่ชัดเจนเช่นนั้นที่จะเข้าใจตอนต้น ตอนกลาง และตอนจบ
พวกเขาสามารถรู้ได้แค่ในปัจจุบันเท่านั้น และดังนั้นการได้เห็นเพียงแค่ในปัจจุบัน
ตอนต้นและตอนกลางจึงไม่ชัดเจนสำหรับพวกเขาเท่าที่ควร
และดังนั้นจึงทำให้เกิดความสับสน
ในเวลาใดก็ตามแม้ว่าทิศทางหรือคำแนะนำนั้นจะไม่ชัดเจนก็อย่าได้สับสน
เพียงพูดด้วยความอดกลั้นว่าลูกจะพยายามที่จะเข้าใจและให้เวลาอีกเล็กน้อยกับบุคคลนั้น
ในเวลานั้นอย่าได้สับสนและพูดว่า “อย่าทำอย่างนี้” หรือ “อย่าทำอย่างนั้น”
เพราะลูกดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์มีจิตใจที่เป็นอิสระในระดับที่มากกว่า
และแม้กระทั่งพวกเขาสามารถพูดได้ว่า “ไม่” ด้วยจิตใจที่อิสระ
ดังนั้นเมื่อมีสิ่งใดก็ตามเข้ามาในเส้นทางของลูก
ก่อนอื่นจงคิดเกี่ยวกับสิ่งนั้นด้วยความเป็นผู้ใหญ่
สำหรับสิ่งนั้นจะต้องมีนัยสำคัญบางอย่างที่ซ่อนอยู่อย่างแน่นอน พวกเขาสามารถถามว่า
“อะไรคือนัยสำคัญของสิ่งนี้?” จะมีประโยชน์อะไรในสิ่งนี้? อธิบายให้ชัดเจนมากขึ้น
ลูกสามารถบอกพวกเขาในสิ่งนี้ได้ อย่างไรก็ตามอย่าได้ปฏิเสธคำแนะนำใด
เป็นเพราะลูกปฏิเสธสิ่งนั้นที่ลูกกลับมาสับสน
การใส่ใจเป็นพิเศษเล็กๆน้อยๆนี้ให้กับดับเบิ้ลฟอเรนเนอร์ มิฉะนั้นอะไรจะเกิดขึ้น
นั่นคือพวกเขาจะไม่พยายามทำความเข้าใจคำแนะนำของลูกซิสเตอร์ที่เป็นเครื่องมือและจะเริ่มขึ้นลง
สันสการ์เหล่านี้จะได้รับการเติมเต็มในผู้ที่ลูกได้เป็นเครื่องมือให้กับพวกเขา
เมื่อพวกเขาเห็นลูก
บางครั้งบางคนก็จะมีอารมณ์บูดบึ้งและในเวลาอื่นคนอื่นๆก็จะบูดบึ้ง
และเกมเหล่านี้ก็จะยังคงมีต่อไปเรื่อยๆในศูนย์ เข้าใจไหม? อัจชะ
พร:
ขอให้ลูกเป็นมหาเวียร์ผู้ที่สอบผ่านทุกสถานการณ์ที่เลวร้ายในหนึ่งวินาทีด้วยพลังของความรู้และโยคะ
มหาเวียร์หมายถึงการเป็นประภาคารแห่งแสงและอำนาจอย่างสม่ำเสมอ
ความรู้คือแสงสว่างและโยคะคืออำนาจ
ผู้ที่เต็มไปด้วยพลังทั้งหมดนี้สามารถสอบผ่านทุกสถานการณ์ที่เลวร้ายได้ในหนึ่งวินาที
หากลูกพัฒนาสันสการ์ของการสอบไม่ผ่านได้ทันเวลาแล้วสันสการ์นั้นก็จะไม่ปล่อยให้ลูกสอบผ่านอย่างเต็มที่ในช่วงเวลาสุดท้าย
ผู้ที่สอบผ่านอย่างเต็มที่ทันเวลากล่าวว่าได้สอบผ่านด้วยเกียรตินิยม
แม้กระทั่งดรามราช ยังให้เกียรติกับดวงวิญญาณนั้น
คติพจน์:
เผาเมล็ดของกิเลสในไฟของโยคะและลูกจะไม่ถูกหลอกลวงในเวลานั้น