29/10/18       Morning Thai  Murli        Om Shanti      BapDada       Madhuban


สาระ:
ลูกๆ ที่แสนหวาน อยู่อย่างเชื่อฟัง คำสั่งแรกของพ่อคือ: ให้คิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ

คำถาม:
เหตุใดภาชนะของดวงวิญญาณจึงได้อยู่อย่างไม่สะอาด? วิธีการทำความสะอาดภาชนะเหล่านั้นคืออะไร?

คำตอบ:
ภาชนะของดวงวิญญาณได้อยู่อย่างไม่สะอาดด้วยการรับฟังและพูดถึงประเด็นที่ไร้ประโยชน์ ในการที่จะทำความสะอาดภาชนะเหล่านั้น คำสั่งของพ่อก็คือ: อย่าได้ยินสิ่งที่เลวร้าย! อย่าได้เห็นสิ่งที่เลวร้าย! รับฟังพ่อผู้เดียว จดจำพ่อผู้เดียวเท่านั้นและไหของดวงวิญญาณจะกลับมาสะอาด ทั้งดวงวิญญาณและร่างกายจะกลับมาบริสุทธิ์

เพลง:
มีการประพรมของสายฝนกับผู้ที่อยู่กับผู้ที่เป็นที่รัก ...

โอมชานติ
ลูกๆได้เข้าใจความหมายของ “โอม ชานติ”แล้ว ลูกๆได้รับประเด็นต่างๆของความรู้ครั้งแล้วครั้งเล่า เช่นที่ลูกนั้นได้รับการบอกซ้ำแล้วซ้ำเล่าให้จดจำพ่อและมรดก ที่นี่ลูกไม่ได้จดจำมนุษย์ มนุษย์เพียงแต่เตือนลูกให้จดจำมนุษย์หรือเทพเท่านั้น เป็นเพราะไม่มีมนุษย์คนใดรู้จักพ่อเหนือโลก ไม่มีใครในพวกเขาที่สามารถดลใจลูกให้จดจำท่านได้ ที่นี่ลูกได้รับการบอกครั้งแล้วครั้งเล่า: คิดว่าตนเองเป็นดวงวิญญาณและจดจำพ่อ เมื่อพ่อมีลูกชาย ทุกคนก็เข้าใจว่าบุตรชายของเขาได้มาเพื่อประกาศสิทธิ์ในมรดกของเขาจากพ่อของเขา ลูกนั้นก็จะจดจำพ่อของเขาและมรดกของเขา เป็นเช่นเดียวกันที่นี่ แน่นอนที่ลูกๆไม่รู้จักพ่อ เหตุนี้เองท่านจึงต้องมา ลูกๆผู้ที่อยู่กับพ่อได้รับการประพรมของความรู้นี้ ความรู้ในพระเวทและคัมภีร์เป็นเพียงเครื่องประกอบของหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา การพร่ำสวด การให้ทาน การทำบุญ การสวดมนต์เย็น และมนตราฯลฯ ไม่ว่าสิ่งใดก็ตามที่ผู้คนทำนั้นเป็นเครื่องประกอบของหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา ซันยาสซีเองก็เป็นผู้เลื่อมใสศรัทธาด้วย ไม่มีใครสามารถไปสู่ดินแดนแห่งความสงบได้โดยที่ไม่มีความบริสุทธิ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงจากบ้านและออกไปบางแห่ง อย่างไรก็ตามไม่ใช่ทุกคนในทั้งโลกที่จะทำเช่นนั้น หฐโยคะของพวกเขาถูกกำหนดไว้แล้วในละคร พ่อมาเพียงครั้งเดียวเท่านั้นในทุกวงจรเพื่อสอนราชาโยคะแก่ลูกๆ พ่อไม่ได้อวตารมาในวิธีการอื่นใด มีคำกล่าวว่า: “การอวตารอีกครั้งของพระเจ้า” ท่านสูงสุดเหนือสิ่งใด และแล้วก็จะต้องมีการอวตารอีกครั้งของแม่ของชาวโลกและพ่อของชาวโลก แท้จริงแล้ว คำว่า “การอวตารอีกครั้ง” ใช้กับพ่อเท่านั้น เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ประทานการหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลส แต่ในความเป็นจริงทุกสิ่งนั้นได้อวตารอีกครั้งหนึ่ง เป็นเพราะเวลานี้มีการคดโกง จึงมีการกล่าวว่า: การคดโกงนั้นได้จุติขึ้นมาอีกครั้ง พวกเขาได้อยู่อย่างคดโกงอีกครั้งหนึ่ง ภายหลังก็จะมีแต่ผู้ที่มีศีลธรรมจรรยาเท่านั้น ทุกสิ่งได้อวตารมาอีกครั้งหนึ่ง เวลานี้เป็นโลกเก่า แล้วโลกใหม่ก็จะมาอีกครั้ง อาจกล่าวได้ว่าหลังจากโลกใหม่ โลกเก่าก็จะมาอีกครั้งหนึ่ง พ่อนั่งที่นี่และอธิบายสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เมื่อลูกนั่งในการจดจำระลึกถึง ให้คิดเสมอว่า: ฉันคือดวงวิญญาณ และฉันได้รับคำสอนจากพ่อเพื่อจดจำท่าน ไม่มีใครนอกจากลูกๆที่จะได้รับคำสอนจากพ่อ ในบรรดาลูกๆด้วย บ้างก็เชื่อฟังและบ้างก็ไม่เชื่อฟัง พ่อพูดว่า: โอ! ดวงวิญญาณ เชื่อมโยคะสติปัญญาของลูกกับพ่อ พ่อพูดกับลูกๆดวงวิญญาณ ไม่มีนักปราชญ์หรือบัณฑิตใดที่จะพูดว่าพวกเขานั้นกำลังพูดกับดวงวิญญาณ พวกเขาคิดว่าดวงวิญญาณเป็นดวงวิญญาณสูงสุด สิ่งนั้นผิด ลูกๆรู้ว่าชีพบาบากำลังอธิบายแก่ลูกผ่านร่างกายนี้ ไม่มีใครสามารถที่จะกระทำได้หากไม่มีร่างกาย ก่อนอื่นใดลูกจำเป็นต้องมีศรัทธา หากลูกไม่มีศรัทธา จะไม่มีสิ่งใดนั่งอยู่ในสติปัญญาของลูก ก่อนอื่นใดลูกจำเป็นต้องมีศรัทธาว่าพ่อของดวงวิญญาณคือพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดที่ไม่มีตัวตน และศรัทธาว่าประชาบิดาบราห์มา พ่อของปวงประชาอยู่ในรูปที่มีตัวตน ลูกคือ บราห์มากุมารและกุมารี ดวงวิญญาณทั้งหมดเป็นบุตรชายของชีวา และดังนั้นพวกเขาจึงเรียกว่าเป็นชีวากุมาร ไม่ใช่ชีวากุมารี ลูกต้องเข้าถึงสิ่งเหล่านี้ทั้งหมด เป็นเพียงเมื่อลูกเฝ้าแต่อยู่ในการจดจำระลึกถึงที่สม่ำเสมอเท่านั้นที่ลูกจะสามารถเข้าถึงสิ่งเหล่านั้นได้ เป็นเพียงด้วยการอยู่ในการจดจำระลึกถึงเท่านั้นที่ภาชนะของสติปัญญาของลูกจะได้รับการทำความสะอาด เป็นเพราะลูกเคยรับฟังสิ่งที่ไร้ประโยชน์ ภาชนะของลูกจึงไม่สะอาด ลูกต้องทำให้ภาชนะนั้นสะอาด คำสอนของพ่อก็คือ: จดจำพ่อแล้วสติปัญญาของลูกจะได้รับการชำระให้บริสุทธิ์ อัลลอยถูกปะปนเข้าไปในดวงวิญญาณ ดังนั้นเวลานี้ลูกต้องกลับมาบริสุทธิ์ ซันยาสซีพูดว่า: ดวงวิญญาณมีภูมิคุ้มกันต่อผลกระทบของการกระทำ ในขณะที่พ่อพูดว่า: อัลลอยปะปนลงไปในดวงวิญญาณ ทั้งดวงวิญญาณและร่างกายของศรีกฤษณะนั้นบริสุทธิ์ แต่เป็นเพียงในยุคทองเท่านั้นที่ทั้งร่างกายและดวงวิญญาณบริสุทธิ์ ทั้งสองไม่สามารถบริสุทธิ์ได้ที่นี่ ลูกๆดวงวิญญาณกำลังจะกลับมาบริสุทธิ์ตามลำดับกันไป ลูกยังไม่ได้กลับมาบริสุทธิ์ ยังไม่มีใครกลับมาบริสุทธิ์ ลูกทั้งหมดกำลังทำความเพียรพยายามเพื่อสิ่งนี้ ผลลัพธ์ของทุกคนจะต่างลำดับกันไปในเวลาสุดท้าย พ่อมาและออกคำสั่งนี้แก่ดวงวิญญาณทั้งหมด: คิดว่าตนเองปราศจากร่างและจดจำพ่อ กลับมามีสำนึกเป็นดวงวิญญาณ ไม่มีใครนอกจากพ่อที่สามารถอธิบายสิ่งหลักนี้ได้ หากก่อนอื่นใดลูกมีศรัทธาที่สมบูรณ์ในสิ่งนี้ ลูกจะสามารถได้รับชัยชนะ หากลูกไม่มีศรัทธา ลูกจะไม่สามารถได้รับชัยชนะ “สติปัญญาที่เต็มไปด้วยศรัทธานั้นจะมีชัยชนะ ในขณะที่สติปัญญาที่เต็มไปด้วยความสงสัยจะนำไปสู่การทำลายล้าง” บางคำพูดในกีตะนั้นดีมาก สิ่งเหล่านั้นเรียกได้ว่าเป็นหยิบหนึ่งของเกลือในถุงแป้ง พ่อพูดว่า: พ่ออธิบายสาระของพระเวทและคัมภีร์ทั้งหมดแก่ลูก สิ่งเหล่านั้นทั้งหมดมาจากหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา สิ่งนั้นถูกกำหนดไว้แล้วในละครด้วย คำถามที่ว่าเหตุใดหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธาจึงถูกสร้างขึ้นนั้นไม่ได้เกิดขึ้น ละครนี้กำหนดไว้แล้วเป็นนิรันดร์ ลูกได้รับมรดกของการกลายเป็นนายแห่งสวรรค์ของลูกจากพ่อแล้วหลายต่อหลายครั้งในละคร แล้วลูกจะเฝ้าแต่ได้รับสิ่งนั้น ไม่มีวันจบสิ้น วงจรนี้หมุนไปเป็นนิรันดร์ เวลานี้ลูกๆอยู่ในดินแดนแห่งความทุกข์ ในไม่ช้าลูกกำลังจะไปสู่ดินแดนแห่งความสงบ และจากที่นั่นลูกจะไปสู่ดินแดนแห่งความสุข และแล้วลูกก็จะไปสู่ดินแดนแห่งความทุกข์ วงจรนี้เฝ้าแต่ควงหมุนไปเป็นนิรันดร์ ลูกใช้เวลา 5000 ปีที่จะไปจากดินแดนแห่งความสุขสู่ดินแดนแห่งความทุกข์ และขณะที่กำลังทำเช่นนั้น ลูกใช้ 84 ชาติเกิด เพียงลูกๆ เท่านั้นที่ใช้ 84 ชาติเกิด ไม่ใช่ทุกคนจะใช้ 84 ชาติเกิด พ่อที่ไม่มีขีดจำกัดอธิบายสิ่งนี้แก่ลูกๆ โดยตรง ลูกคนอื่นๆ จะเพียงแต่รับฟังมุรลีที่มีการอ่าน หรือจะอ่านมุรลีเอง หรือจะรับฟังเทป ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถรับฟังเทปได้ ดังนั้นก่อนอื่นใดลูกๆ ต้องอยู่ในการจดจำระลึกถึงขณะที่ลูกนั่ง และขณะที่ลูกเดินฯลฯ ผู้คนเพียงแต่หมุนลูกปัดของลูกประคำและพร่ำสวดชื่อของราม พวกเขาพูดถึงลูกประคำของรูดร้า รูดร้าคือพระเจ้า และแล้วก็มีลูกปัดรวมซึ่งเป็นตัวแทนของรูปคู่ของวิษณุ นั่นคือใคร? เป็นแม่และพ่อที่กลายเป็นรูปคู่ของวิษณุ ลักษมีและนารายณ์ เหตุนี้เองพวกเขาจึงเรียกว่าเป็นลูกปัดคู่ ชีพบาบาเป็นพู่ แล้วก็มีลูกปัดคู่คือมาม่าและบาบา ผู้ที่เรียกได้ว่าเป็นแม่และพ่อ วิษณุจะไม่ได้ชื่อว่าแม่และพ่อ เพียงลูกๆ ของลักษมีและนารายณ์เท่านั้นที่จะเรียกพวกเขาว่าแม่และพ่อ ผู้คนทุกวันนี้ไปอยู่เบื้องหน้าใครก็ตามและพูดว่า: ท่านคือแม่ และท่านคือพ่อ เมื่อใครบางคนพูดคำยกย่องนี้ คนอื่นๆก็เริ่มทำตาม นี่คือโลกที่ไม่มีศีลธรรมจรรยา ยุคเหล็กเรียกว่าโลกที่ไร้ศีลธรรมจรรยา ในขณะที่ยุคทองเรียกว่าโลกที่มีศีลธรรมจรรยา ที่นั่นทั้งดวงวิญญาณและร่างกายนั้นบริสุทธิ์ ในยุคทองกฤษณะนั้นสวยงาม และแล้วก่อนชาติเกิดสุดท้ายของเขา ดวงวิญญาณนั้นก็ได้อยู่อย่างน่าเกลียด บราห์มาและสรัสวตีนั้นไม่บริสุทธิ์ในเวลานี้ ดวงวิญญาณได้อยู่อย่างไม่บริสุทธิ์และดังนั้นเครื่องประดับ (ร่างกาย) ของเขาก็อยู่อย่างไม่บริสุทธิ์ (มีสิ่งเจือปน) ด้วย เมื่อทองมีอัลลอยเจือปนลงไป เครื่องประดับที่ทำขึ้นมาจากทองนั้นก็มีอัลลอยเจือปนด้วยเช่นกัน เมื่อเหล่าเทพปกครองยุคทอง ก็ไม่มีสิ่งใดที่หลอกลวง หรือมีอัลลอยปะปนลงไปในนั้น ที่นั่นจะมีพระราชวังที่สร้างจากทองคำแท้ ครั้งหนึ่งบารัตเคยเป็น “นกกระจอกทองคำ” แต่เวลานี้ได้กลายเป็นสิ่งที่ชุบทอง(เคลือบ) เพียงพ่อเท่านั้นที่สามารถทำให้บารัตนี้กลายเป็นสวรรค์เช่นนั้นอีกครั้งหนึ่ง พ่ออธิบาย: ศรีมัทหมายถึงคำพูดของพระเจ้า กฤษณะเป็นมนุษย์ที่มีคุณธรรมที่สูงส่ง เขามี 2 แขนและ 2 ขา มีการแสดงลักษมีที่มี 4 แขนในสัญลักษณ์เหล่านั้น และมีการแสดงนารายณ์ที่ 4 แขนด้วย ผู้คนไม่เข้าใจสิ่งใดเลย เมื่อเขาพูดคำว่า “โอม” พวกเขาก็พูดว่านั่นหมายถึง “ฉันเป็นพระเจ้า ไม่ว่าที่ใดก็ตามที่ฉันมองไป ฉันเห็นแต่พระเจ้าเท่านั้น” อย่างไรก็ตามสิ่งนั้นผิด “โอม” หมายถึง “ฉันคือดวงวิญญาณ” พ่อพูดว่า: พ่อเป็นดวงวิญญาณด้วย แต่เป็นเพราะพ่อนั้นสูงสุด พ่อจึงเรียกได้ว่าเป็นดวงวิญญาณสูงสุด พ่ออาศัยอยู่ในอาณาเขตสูงสุด สูงสุดเหนือสิ่งใดคือพระเจ้า และแล้วในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน ก็มีดวงวิญญาณของบราห์มา วิษณุ และชางก้า และแล้วต่ำลงมาที่นี่ก็มีโลกมนุษย์นี้ นั่นคือโลกของเทพ และอีกโลกหนึ่งเป็นโลกของดวงวิญญาณซึ่งเรียกได้ว่าเป็นโลกที่ไม่มีตัวตนด้วย ประเด็นเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจ ลูกๆกำลังได้รับทานของเพชรพลอยที่ไม่สูญสลายของความรู้ที่จะทำให้ลูกกลับมารุ่งเรืองและมีมงกุฎทั้งสองในอนาคต มองดูภาพของศรีกฤษณะ: เขามีมงกุฎทั้งสอง และแล้วเมื่อลูกนั้นเข้าสู่จันทราวงศ์ เขาก็มี 2 องศาลดลงไป และแล้วเมื่อเขาไปสู่ราชวงศ์พ่อค้า เขาก็สูญเสียอีก 4 องศา และมงกุฎแห่งแสงของเขาก็ไม่หลงเหลืออยู่อีกต่อไป เพียงมงกุฎแห่งเพชรพลอยเท่านั้นที่หลงเหลืออยู่ ในเวลานั้นไม่ว่าใครก็ตามที่ให้ทานมากมาย หรือทำบุญมากมายนั้นได้รับอาณาจักรที่ดีมากเป็นเวลาหนึ่งชาติเกิด และแล้วในชาติเกิดถัดไปของพวกเขา หากพวกเขาให้ทานมากมายอีกครั้ง พวกเขาก็จะสามารถได้รับอาณาจักรอีกครั้งหนึ่ง ที่นี่ลูกสามารถประกาศสิทธิ์ในอาณาจักรถึง 21 ชาติเกิด แต่ลูกต้องทำความเพียรพยายาม ดังนั้นพ่อให้คำแนะนำของท่านเอง พ่อพูดว่า: พ่อคือดวงวิญญาณสูงสุด เหตุนี้เองท่านจึงเรียกได้ว่าเป็นพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุด ซึ่งก็คือพระเจ้า ลูกๆ จดจำผู้ที่สูงสุดนั้น ลูกคือซาลิแกรม และท่านคือชีวา ผู้คนสร้างลิงกัมขนาดใหญ่ของชีวาและซาลิแกรมจากดินเหนียว ไม่มีใครรู้ว่าอนุสรณ์เหล่านั้นเป็นตัวแทนของดวงวิญญาณใด เป็นเพราะลูกๆของชีพบาบาทำให้บารัตกลายเป็นสวรรค์ ลูกจึงได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปนั้น และแล้วหลังจากที่ลูกกลายเป็นเทพ ลูกก็จะได้รับการกราบไหว้บูชาในรูปนั้นด้วย ลูกๆ ทำงานรับใช้มากมายอย่างยิ่งกับชีพบาบาที่แม้กระทั่งซาลิแกรม (จากดินเหนียว) เหล่านั้นก็ได้รับการกราบไหว้บูชา เป็นผู้ที่ทำงานที่สูงส่งที่สุดที่ได้รับการกราบไหว้บูชา มีการสร้างอนุสรณ์ให้กับผู้ที่ทำงานที่ดีในยุคเหล็ก พ่อมาทุกวงจรและอธิบายความลับของวงจรโลกแก่ลูก นั่นคือ ท่านทำให้ลูกเป็นสวาดาชันจักรดารี วิษณุไม่สามารถมีสวาดาชันจักรได้ เขากลายเป็นเทพก่อนแล้ว ลูกได้รับความรู้ทั้งหมดนี้ในเวลานี้ แต่เมื่อลูกกลายเป็นลักษมีและนารายณ์ ลูกจะไม่มีความรู้นี้อีกต่อไป ทุกคนที่นั่นจะได้รับการหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลส ลูกๆรับฟังความรู้นี้ในเวลานี้ และแล้วก็ประกาศสิทธิ์ในอาณาจักรของลูก เมื่อมีการก่อตั้งสวรรค์ ก็ไม่มีความจำเป็นใดสำหรับความรู้นี้ เพียงเมื่อพ่อมาเท่านั้นที่ท่านให้คำแนะนำที่สมบูรณ์ของผู้สร้างและสิ่งสร้างของท่าน ซันยาสซีประณามผู้เป็นแม่ แต่พ่อมาและยกระดับผู้เป็นแม่ พ่ออธิบาย: หากจะไม่เป็นไปสำหรับชันยาสชี บารัตก็จะกลายเป็นเถ้าถ่าน เพราะทุกคนกำลังนั่งอยู่บนกองไฟของตัณหาราคะ เมื่อเหล่าเทพตกลงไปสู่หนทางบาป ก็มีแผ่นดินไหวอย่างใหญ่หลวงและทุกสิ่งก็ถูกกลืนลงไป ไม่มีแผ่นดินอื่นใดคงอยู่ในเวลานั้น เพียงบารัตเท่านั้นที่คงอยู่ในเวลานั้น ชาวอิสลาม ฯลฯ มาในภายหลัง สิ่งต่างๆของยุคทองไม่ได้หลงเหลืออยู่ที่นี่ วัดโสมนารถที่ลูกเห็นนั้นจะไม่ถูกสร้างขึ้นในสวรรค์ วัดนั้นถูกสร้างขึ้นในหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา และถูกมามัดกุสนาวีรูดปล้น อย่างไรก็ตามพระราชวังของเหล่าเทพ ฯลฯ ทั้งหมดหายไปในแผ่นดินไหว ไม่ใช่ว่าพระราชวังทั้งหมดจมลงไปข้างใต้ และสิ่งต่างๆที่ลงไปข้างใต้นั้นจะปรากฏขึ้นมาอีกครั้งหนึ่ง ไม่เลย สิ่งเหล่านั้นคงอยู่ใต้พื้นดิน หรือแตกแยกไป หากมีการขุดเจาะเกิดขึ้นในเวลานั้น อาจมีการค้นพบบางสิ่ง แต่ในเวลานี้ไม่ได้มีการค้นพบสิ่งใด สิ่งเหล่านี้ไม่ได้อ้างอิงไว้ในคัมภีร์ เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้นที่เป็นผู้ประทานการหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลส ก่อนอื่นใดลูกจำเป็นต้องมีศรัทธานี้ เป็นในศรัทธาที่มายาสร้างอุปสรรค บ้างก็พูดว่า: พระเจ้าจะสามารถมาที่นี่ได้อย่างไร? ในเมื่อมีการฉลองชีพแจนที (เทศกาลของวันเกิดของชีวา) แน่นอนที่ท่านต้องมา พ่ออธิบายแล้วว่า: พ่อมาในการบรรจบกันของกลางวันที่ไม่มีขีดจำกัดและกลางคืนที่ไม่มีขีดจำกัด ไม่มีใครนอกจากลูกๆ ที่รู้ว่าพ่อมาในเวลาใด พ่อได้ให้ความรู้ใหม่นี้แก่ลูกแล้ว และได้ทำรูปภาพเหล่านี้ขึ้นด้วยการให้เทพนิมิตแก่ลูก มีการอ้างอิงบางประการของต้นกัลปะในกีตะ ท่านพูดกับลูกๆ: ลูกและพ่อคงอยู่ในเวลานี้ เราคงอยู่ในวงจรที่แล้วด้วย และเราก็จะเฝ้าแต่พบปะกันวงจรแล้ววงจรเล่า พ่อจะให้ความรู้นี้แก่ลูกทุกวงจร สิ่งนี้พิสูจน์วงจรด้วยเช่นกัน อย่างไรก็ตาม เพียงลูกเท่านั้น และไม่มีใครอื่นที่สามารถเข้าใจสิ่งนี้ได้ มองดูรูปภาพนี้ของทั้งวงจร แน่นอนที่ใครบางคนต้องสร้างสิ่งนั้นขึ้น พ่ออธิบายสิ่งนี้ แต่ลูกๆ ต้องใช้ภาพนี้และอธิบายด้วยเช่นกัน อัจชะ

ถึงลูกๆที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ ทางจิต

สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:

1. ในทุกๆประเด็น พื้นฐานของชัยชนะคือศรัทธา ดังนั้นจงกลายเป็นผู้ที่มีศรัทธาในสติปัญญา อย่าได้มีความสงสัยในพ่อ ผู้ประทานการหลุดพ้นเพื่อชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลส

2. ในการที่จะทำความสะอาดและชำระสติปัญญาของลูกให้บริสุทธิ์ จงฝึกฝนที่จะกลับมาปราศจากร่าง อย่าได้พูดถึงหรือรับฟังสิ่งที่ไร้ประโยชน์

พร:
ขอให้ลูกกลายเป็นภูเขาไฟในรูปชักตีของลูก และให้ประสบการณ์ของความผ่องแผ้วทางจิตของลูก

จนถึงขณะนี้ได้มีการดึงดูดของพ่อผู้เป็นเปลวไฟ งานของท่านและงานของลูกกำลังดำเนินไปในทางที่แฝงตัว อย่างไรก็ตามเมื่อลูกทำให้ตนเองมั่นคงในรูปชักตีของลูก ดวงวิญญาณที่เข้ามาติดต่อกับลูกจะได้สัมผัสกับความผ่องแผ้วทางจิตของลูก ผู้ที่พูดว่า “สิ่งนี้ดี สิ่งนี้ดี” ก็จะได้รับแรงบันดาลใจให้กลับมาเป็นคนดีเมื่อลูกทั้งหมดรวมกันกลายเป็นรูปภูเขาไฟและประภาคารแห่งแสง เมื่อลูกผู้เป็นนายผู้ทรงพลังอำนาจมาอยู่บนเวทีนี้ ทุกคนจะวนอยู่รอบๆลูกเหมือนกับแมลงเม่า

คติพจน์:
ผู้ที่ทำให้ประสาทสัมผัสของเขาร้อนในไฟของโยคะจะกลับมาบริสุทธิ์อย่างสมบูรณ์