30.12.18 Avyakt Bapdada Thai Murli
02.04.84 Om Shanti Madhuban
ความสำคัญของจุด (เลขศูนย์)
วันนี้พ่อผู้ประทานโชคได้มาพบกับลูกทุกคนที่มีโชคของท่าน
พ่อผู้ประทานโชคกำลังแสดงให้ลูกทุกคนได้เห็นถึงวิธีที่ง่ายที่สุดที่จะสร้างโชคของลูก
เพียงแค่รู้บัญชีของจุด การคำนวณของเลขศูนย์เป็นสิ่งที่ง่ายที่สุด
จงรู้ถึงความสำคัญของจุดและกลับมายิ่งใหญ่ ลูกทุกคนรู้ถึงบัญชีของจุด (เลขศูนย์)
ที่ง่ายที่สุดและมีนัยสำคัญที่สุดหรือไม่? การพูดถึงเลขศูนย์และกลายเป็นจุด
จงกลายเป็นจุดและจดจำพ่อ,ผู้เป็นจุด
ลูกเป็นจุดและเวลานี้ลูกต้องอยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่เป็นจุดแล้วกลายเป็นเช่นเดียวกับพ่อ,ผู้เป็นจุด
และเฉลิมฉลองการพบปะกับพ่อ
ยุคแห่งการเฉลิมฉลองการพบปะนี้กล่าวได้ว่าเป็นยุคของสภาพที่โบยบิน
ชีวิตบราห์มินคือการพบปะและการเฉลิมฉลอง
ในขณะที่ทำทุกสิ่งด้วยวิธีนี้และในขณะที่มีการกระทำอย่างสม่ำเสมอ
ลูกจะได้สัมผัสกับสภาพที่เหนือบ่วงกรรม (คาร์มาทีท) ของการเป็นอิสระจากบ่วงกรรม
ลูกไม่ได้เข้าไปสู่บ่วงกรรมใดๆ แต่ลูกอยู่ในทุกความสัมพันธ์กับพ่อ
พ่อคาราวันฮาร์ทำให้ลูกเป็นเครื่องมือและทำให้ลูกทำทุกสิ่ง
ดังนั้นตัวลูกเองจึงกลายเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวาง
และนี่คือสำนึกรู้ของความสัมพันธ์นี้ที่ทำให้ลูกเป็นอิสระจากบ่วง
เมื่อลูกทำทุกสิ่งในความสัมพันธ์ ก็จะไม่มีบ่วง เมื่อลูกคิดว่า “ฉันทำสิ่งนี้”
ลูกก็ลืมความสัมพันธ์และสร้างบ่วง
ยุคบรรจบพบกันคือยุคของการมีประสบการณ์กับสภาพที่เป็นอิสระจากบ่วง
ของการมีความสัมพันธ์กับพ่อ และของการได้รับการหลุดพ้นในชีวิต
ดังนั้นตรวจสอบดูว่าลูกรักษาความสัมพันธ์ทั้งหมดไว้ได้หรือไม่
หรือลูกได้เข้ามาในบ่วงหรือไม่ ที่ใดมีความรักในความสัมพันธ์
ที่นั่นมีการได้มาซึ่งการบรรลุผล ขณะที่เมื่อมีการชักเย่อในบ่วงใด ๆ
และเพราะความตึงเครียดนั้นจึงมีความปั่นป่วนของความทุกข์และความไม่สงบ
ดังนั้นเนื่องจากพ่อได้สอนลูกเกี่ยวกับบัญชีของจุดที่ง่ายดายและบ่วงต่างๆของร่างกายก็จบสิ้นลงแล้ว
ร่างกายไม่ใช่ของลูก ลูกได้มอบให้กับพ่อแล้วและดังนั้นจึงเป็นของพ่อ
บ่วงดั้งเดิมของลูก “ร่างกายของฉัน” ก็ได้จบสิ้นลงด้วยเช่นกัน ลูกจะพูดว่า “ร่างกายของฉัน”ไหม?
ลูกมีสิ่งนั้นในเวลานี้หรือไม่?
ลูกสามารถมีสิทธิ์กับสิ่งที่ลูกได้ให้ไปแล้วได้อย่างไร?
ลูกให้สิ่งนั้นไปแล้วหรือลูกยังคงเก็บสิ่งนั้นไว้เป็นของลูก? ไม่ใช่ว่าลูกพูดว่า “เป็นของท่าน”
แต่ลูกยังเชื่อว่ามันเป็นของลูกอยู่ใช่ไหม?
เมื่อลูกพูดว่า “ของท่าน” บ่วงของจิตสำนึกของ “ของฉัน” ก็จบสิ้นลง “ของฉัน”ที่มีขีดจำกัดใดๆ
เป็นเส้นด้ายของความผูกพันยึดมั่น ไม่ว่าลูกจะเรียกว่าเส้นด้าย,โซ่ หรือเชือก
สิ่งนั้นก็ผูกลูกไว้ในบ่วง เมื่อลูกพูดว่า “ทุกสิ่งเป็นของท่าน”
ลูกก็สร้างความสัมพันธ์ บ่วงขาดลง และกลายเป็นความสัมพันธ์
บ่วงประเภทต่างๆไม่ว่าจะเป็นบ่วงของร่างกาย ธรรมชาติ ซันสการ์
หรือการยอมจำนนของจิตใจ
ก็พิสูจน์ให้เห็นว่ามีบางสิ่งขาดหายไปในการมีความสัมพันธ์ของลูกกับพ่ออยู่ตลอดเวลา
ลูกบางคนอยู่อย่างเป็นอิสระจากบ่วงตลอดเวลาโดยการมีทุกความสัมพันธ์กับพ่อ
ในขณะที่ลูกบางคนสร้างความสัมพันธ์ตามเวลา สำหรับแรงจูงใจของตนเอง
และเหตุนี้เองที่พวกเขาถูกตัดสิทธิ์จากการได้รับความสุขสันต์หรรษาทางจิตที่พิเศษสุดในชีวิตบราห์มิน
พวกเขาไม่พอใจกับของตนเองและไม่สามารถได้รับพรของความพอใจจากผู้อื่น ชีวิตบราห์มิน,ชีวิตแห่งความสัมพันธ์ที่สูงส่ง
คือชีวิตของการได้รับพรจากพ่อและจากครอบครัวบราห์มินทั้งหมด “พร”
หมายถึงความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์
ลูกบราห์มินเกิดมาบนพื้นฐานของพรและความปรารถนาดีของบัพดาดา พ่อพูดว่า
ลูกคือดวงวิญญาณพิเศษที่สูงส่งและมีโชค ด้วยสำนึกรู้ของพรและคุณประโยชน์เหล่านี้
นั่นคือ
ด้วยความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์เหล่านี้ที่ลูกบราห์มินได้รับชีวิตใหม่และการเกิดใหม่
จงเฝ้าแต่รับพรอยู่เสมอ นี่คือคุณสมบัติพิเศษของยุคบรรจบพบกัน
อย่างไรก็ตามบนพื้นฐานของทั้งหมดนี้คือความสัมพันธ์ที่สูงส่งที่สุด
ความสัมพันธ์จบสิ้นโซ่และบ่วงของจิตสำนึกของ “ของฉัน” ในหนึ่งวินาที
รูปแรกของความสัมพันธ์คือประเด็นที่ง่าย: พ่อเป็นจุด, ฉันเป็นจุด
และทุกดวงวิญญาณเป็นจุด ดังนั้นจึงเป็นบัญชีของจุด
มหาสมุทรแห่งความรู้หลอมรวมอยู่ในจุดนี้ ตามการคำนวณทางโลกเช่นกันจุด (เลขศูนย์)
ทำให้ 10 เป็น 100 และ 100 เป็น 1000
จงเพิ่มศูนย์ไปเรื่อยๆและเพิ่มจำนวนต่อไปเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งสำคัญคืออะไร?
นั่นคือจุดใช่ไหม?
ในทำนองเดียวกันในชีวิตบราห์มินพื้นฐานของการบรรลุผลทั้งหมดคือจุด
แม้แต่ผู้คนที่ไม่มีการศึกษาก็สามารถเข้าใจเลขศูนย์ได้อย่างง่ายดาย
ไม่ว่าใครจะยุ่งหรือไม่สบายหรือสติปัญญาของเขาจะอ่อนแอเพียงใด ใคร ๆ
ก็สามารถรู้ถึงบัญชีของเลขศูนย์ได้ ผู้เป็นแม่มีความฉลาดในการคำนวณใช่หรือไม่?
ดังนั้นจดจำบัญชีของเลขศูนย์ ไว้เสมอ อัจชะ
ลูกได้มาถึงบ้านที่แสนหวานของลูกแล้วจากสถานที่ต่างๆ
บัพดาดาขอแสดงความยินดีกับลูกทุกคนสำหรับการสร้างโชคของลูก ลูกมาที่บ้านของลูก
บ้านของลูกนี้เป็นบ้านของผู้ประทาน
บ้านของลูกเองเป็นสถานที่ซึ่งให้การพักผ่อนและความสบายแก่ทั้งจิตวิญญาณและร่างกาย
ลูกได้รับการพักผ่อนและความสุขสบายไหม? ลูกมีการบรรลุผลถึงสองเท่า
ลูกได้รับการพักผ่อนและความสุขสบาย (อาราม) และลูกยังได้พบรามด้วยเช่นกัน
ดังนั้นนี่คือการบรรลุผลถึงสองเท่าใช่หรือไม่? ลูก ๆ เป็นเครื่องประดับบ้านของพ่อ
บัพดาดากำลังมองที่ลูกๆที่เป็นเครื่องประดับบ้าน อัจชะ
แด่ผู้ที่เป็นอิสระจากบ่วงอยู่เสมอโดยมีทุกความสัมพันธ์กับผู้เดียว
แด่ผู้ที่สัมผัสกับสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
แด่ผู้ที่รู้ถึงความสำคัญของจุดอยู่เสมอและกลับมายิ่งใหญ่
แด่ผู้ที่ได้รับพรของความปรารถนาดีและความรู้สึกที่บริสุทธิ์ของความพอใจจากทุกดวงวิญญาณ
แด่ผู้ที่ให้พรเช่นนั้นแก่ทุกคน
แด่ผู้ที่พิจารณาว่าตนเองเป็นผู้สังเกตการณ์ที่ละวางและทำทุกการกระทำอย่างเป็นเครื่องมือ
แด่ผู้ที่ประสบกับความสุขสันต์หรรษาทางจิตที่พิเศษสุดเช่นนั้นอย่างสม่ำเสมอ
แด่ผู้ที่มีชีวิตอยู่อย่างมีความสุขสันต์หรรษาอย่างสม่ำเสมอ
แด่ผู้ที่จบสิ้นภาระทั้งหมด แด่ดวงวิญญาณที่มีโชคอย่างสม่ำเสมอเช่นนั้น ความรัก
ระลึกถึง และนมัสเต จากพ่อ ผู้ประทานโชค
บัพดาดาพบดาดี้:
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว เช่นเดียวกับที่เวลาได้ผ่านไปด้วยความรวดเร็ว
ในทำนองเดียวกันบราห์มินทั้งหมดจะโบยบินได้อย่างรวดเร็ว ลูกกลายเป็นแสง
ที่เป็นแสงและเบาสบายเป็นสองเท่าหรือไม่?
เวลานี้มีงานรับใช้พิเศษที่จะต้องทำในการทำให้ผู้อื่นโบยบิน
ลูกทำให้ผู้อื่นโบยบินในทำนองนี้หรือไม่? ลูกจะทำให้ทุกคนบินด้วยวิธีใด?
โดยการรับฟังคลาส พวกเขาก็จะกลายเป็นผู้ที่ถ่ายทอดคลาส
ด้วยหัวข้อใดก็ตามที่ลูกเริ่ม
พวกเขาทั้งหลายจะมีประเด็นต่างๆเกี่ยวกับหัวข้อนั้นแม้กระทั่งก่อนที่ลูกจะเริ่ม!
ดังนั้นลูกได้ทำแผนไว้แล้วหรือยังว่าลูกจะใช้วิธีไหนเพื่อทำให้ทุกคนโบยบิน?
เวลานี้จำเป็นต้องใช้วิธีเพื่อทำให้ทุกคนเป็นแสงที่เบาสบาย
ภาระเหล่านี้ที่ทำให้ลูกขึ้นและลง
บางคนมีภาระประเภทหนึ่งและคนอื่นมีภาระอีกประเภทหนึ่ง
ไม่ว่าจะเป็นภาระของซันสการ์ของลูกเองหรือของชุมนุม
ภาระนั้นก็จะไม่ปล่อยให้ลูกโบยบินได้ เวลานี้แม้ว่าบางคนจะสามารถโบยบินได้
แต่ก็ด้วยพลังของผู้อื่น ตัวอย่างเช่น เมื่อลูกทำให้ของเล่นบินได้ แล้วเกิดอะไรขึ้น?
ของเล่นนั้นขึ้นไปแล้วลงมา แน่นอนมันบินได้ แต่ไม่ได้บินตลอดเวลา
เวลานี้เมื่อดวงวิญญาณบราห์มินทั้งหมดโบยบินได้แล้วเท่านั้น
พวกเขาจึงจะสามารถทำให้ดวงวิญญาณอื่นๆทั้งหมดโบยบินได้
และทำให้พวกเขาเข้ามาใกล้ชิดกับพ่อ
ไม่มีวิธีอื่นนอกจากการทำให้ผู้อื่นโบยบินและตัวลูกเองโบยบินด้วยเช่นกัน
ความเร็วของการโบยบินถูกกำหนดไว้โดยวิธีการ มีงานมากมายแค่ไหนที่ต้องทำให้สำเร็จ
และลูกมีเวลาเท่าไร?
เวลานี้อย่างน้อย 900,000 บราห์มิน จำเป็นต้องมีในตอนเริ่มแรก
อันที่จริงแล้วจำนวนจะเพิ่มมากขึ้น แต่เมื่อลูกปกครองทั่วทั้งโลกจะต้องมีอย่างน้อย
900,000 ต้องใช้วิธีการที่สูงส่งตามเวลา
วิธีที่สูงส่งคือวิธีของการทำให้ผู้อื่นโบยบิน ทำแผนสำหรับสิ่งนี้
จัดเตรียมชุมนุมเล็กๆ เป็นเวลาหลายปีมาแล้วตั้งแต่บทบาทอะแวกเริ่มต้น
เวลามากมายได้ผ่านไปจากการได้รับการเลี้ยงดูจากรูปที่มีตัวตนและจากรูปที่อะแวกด้วยเช่นกัน
เวลานี้ลูกต้องทำสิ่งใหม่ๆ วางแผนการ
วงจรของการโบยบินแล้วลงมาเวลานี้ได้จบสิ้นลงแล้ว มีการจดจำ 84 ชาติเกิดและวงจรของ
84 ชาติเกิด ดังนั้นในปี 1984
เมื่อลูกจบสิ้นวงจรนี้แล้วเท่านั้นที่กงจักรของการสำนึกรู้ในตนเองจะทำให้ดวงวิญญาณที่อยู่ห่างไกลเข้ามาใกล้
สิ่งที่พวกเขาแสดงให้เห็นเป็นอนุสรณ์คืออะไร?
เขาส่งกงจักรออกไปในขณะที่นั่งอยู่ที่ไหนสักแห่งและกงจักรของการสำนึกรู้ในตนเองก็ได้นำดวงวิญญาณให้เข้ามาใกล้ด้วยตัวมันเอง
ตัวเขาเองไม่ได้ไป แต่เขาเพียงแค่ใช้กงจักรของเขาเท่านั้น
ดังนั้นเมื่อการหมุนนั้นจบสิ้นลูกจะสามารถควงกงจักรของการสำนึกรู้ในตนเองได้
ดังนั้นเวลานี้ในปี 1984 ใช้วิธีนี้เพื่อที่วงจรที่มีขีดจำกัดทั้งหมดจะจบสิ้นลง
นี่คือสิ่งที่ลูกคิดใช่หรือไม่? อัจชะ
บัพดาดาพบครู:
ถึงอย่างครูก็คือผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบินอยู่แล้ว
การเป็นเครื่องมือเป็นวิธีที่จะใช้สำหรับสภาพที่โบยบิน
ดังนั้นการกลายเป็นเครื่องมือนั้นหมายความว่า ตามละครแล้ว
ลูกได้พบวิธีที่จะใช้สำหรับสภาพที่โบยบิน
ลูกเป็นดวงวิญญาณที่สูงส่งที่ประสบความสำเร็จอยู่เสมอโดยการใช้วิธีนี้
การกลายเป็นเครื่องมือคือการมีลิฟต์
ดังนั้นผู้ที่ไปที่ไหนสักแห่งในหนึ่งวินาทีด้วยลิฟต์คือผู้ที่อยู่ในสภาพที่โบยบิน
ลูกไม่ได้อยู่ในสภาพของการลงมา ลูกไม่ใช่ผู้ที่ขึ้นๆลงๆ
แต่ลูกคือผู้ที่ช่วยคนอื่นให้พ้นจากการขึ้นๆลงๆ
ลูกไม่ใช่ผู้ที่ได้รับผลกระทบจากความร้อนของไฟ แต่ลูกคือผู้ที่ดับไฟ
ดังนั้นจงประสบความสำเร็จโดยการใช้วิธีของการเป็นเครื่องมือ
การเป็นครูหมายถึงการมีความรู้สึกของการเป็นเครื่องมือ
ความรู้สึกของการเป็นเครื่องมือนี้ทำให้ลูกสามารถบรรลุผลทั้งหมดโดยอัตโนมัติ อัจชะ
คำพูดที่สูงส่งและอะแวก-
เป็นอิสระจากบ่วงกรรมและกลับมาเหนือบ่วงกรรมและปราศจากร่าง
เพื่อที่จะสัมผัสกับสภาพที่ปราศจากร่างหรือสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
จงกลับมาเป็นอิสระจากสำนึกที่เป็นร่างของ “ของฉัน” ที่มีขีดจำกัดใดๆ
กลับมาเป็นอิสระจากความตั้งใจที่เห็นแก่ตัวในการกระทำทั้งทางโลก(โลกกิก) และทางจิต(อโลกกิก)และในความสัมพันธ์
กลับมาเป็นอิสระจากบัญชีกรรมของการกระทำในชาติเกิดสุดท้ายของลูกและจากการได้รับอิทธิพลจากธรรมชาติและซันสการ์ที่ไร้ประโยชน์ใดๆ
อันเนื่องจากมาความอ่อนแอของความพยายามในปัจจุบันของลูก
หากมีสถานการณ์ที่เป็นอันตรายของงานรับใช้,
ชุมนุมหรือวัตถุธาตุที่ทำให้สภาพดั้งเดิมหรือสภาพที่สูงส่งของลูกสั่นคลอนแล้ว
นั่นไม่ใช่สภาพของการเป็นอิสระจากบ่วง จงกลายเป็นอิสระแม้กระทั่งจากบ่วงนี้
อย่าปล่อยให้ความเจ็บป่วยประเภทใดของร่างเก่าร่างสุดท้ายของลูกในโลกเก่านี้ทำให้สภาพที่สูงส่งของลูกขึ้นลง
จงกลับมาเป็นอิสระแม้กระทั่งจากสิ่งนี้
เป็นสิ่งที่ถูกกำหนดไว้แล้วสำหรับความเจ็บป่วยที่จะเกิดขึ้น
แต่สำหรับสภาพของลูกที่ขึ้นลง - นั่นคือสิ่งชี้บอกของการติดกับอยู่ในบ่วง
จงมีความคิดเกี่ยวกับตนเอง ความคิดเกี่ยวกับความรู้ และเป็นผู้ที่มีความปรารถนาดี
เป็นอิสระจากการมีความคิดเกี่ยวกับความเจ็บป่วยของร่างกาย
นี่คือสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรม
เป็นคาร์มาโยคีและละวางจากบ่วงกรรมใดๆอย่างสม่ำเสมอ และมีความรักต่อพ่ออยู่เสมอ
นี่คือสภาพที่เหนือบ่วงกรรมและสภาพที่ปราศจากร่าง
การที่จะสภาพที่เหนือบ่วงกรรมไม่ได้หมายความว่าจะต้องไปอยู่เหนือการกระทำ
อย่าได้ไปอยู่เหนือการกระทำ แต่มีการละวางจากการติดกับอยู่ในบ่วงของการกระทำ
ไม่ว่างานจะใหญ่โตเพียงใด อย่าให้มีความรู้สึกว่าลูกกำลังทำงานนั้น
แต่เป็นเหมือนราวกับว่าลูกกำลังเล่นเกม ไม่ว่าจะมีสถานการณ์ที่เลวร้ายใดๆเกิดขึ้น
ไม่ว่าอาจจะมีดวงวิญญาณมาอยู่เบื้องหน้าลูกเพื่อชำระสะสางบัญชีกรรม
แม้กระทั่งความทุกข์ทรมานใดๆของกรรมโดยผ่านร่างกาย
ที่มาอยู่เบื้องหน้าลูกอย่างต่อเนื่องก็ตาม
จงอยู่อย่างเป็นอิสระจากความปรารถนาที่มีขีดจำกัดใดๆ เพราะนี่คือสภาพที่ปราศจากร่าง
ในขณะที่ลูกมีร่างนั้นและกำลังเล่นบทบาทของลูกในสนามของการกระทำด้วยอวัยวะประสาทสัมผัสทางกายของลูก
ลูกจะไม่สามารถอยู่ได้โดยไม่มีการกระทำแม้กระทั่งหนึ่งวินาที
อย่างไรก็ตามการอยู่เหนือบ่วงของการกระทำในขณะที่มีการกระทำคือสภาพของที่เหนือบ่วงกรรมและปราศจากร่าง
ดังนั้นเข้ามาในความสัมพันธ์ของกรรมโดยผ่านประสาทสัมผัสทางกาย
แต่อย่าได้ผูกติดอยู่กับบ่วงของกรรม ใดๆ
อย่าได้รับอิทธิพลจากความปรารถนาใดๆสำหรับผลของกรรมที่สูญสลายบางอย่าง “สภาพที่เหนือบ่วงกรรม”
หมายถึงไม่ได้รับอิทธิพลจากกรรม แต่มีความเป็นนาย เป็นผู้มีอำนาจ
และมีความสัมพันธ์กับประสาทสัมผัสทางกาย
และทำให้ประสาทสัมผัสทางกายของลูกมีการกระทำ
ในขณะที่ลูกอยู่อย่างละวางจากความปรารถนาในช่วงเวลาสั้นๆ ลูกดวงวิญญาณ ผู้เป็นนาย
ต้องไม่ขึ้นอยู่กับการกระทำ แต่ในฐานะผู้มีอำนาจ จงมีการกระทำต่อไป
ทำให้การกระทำดำเนินไปในฐานะที่เป็นผู้ที่แสดงการกระทำ
สิ่งนี้เป็นที่รู้จักกันดีว่าการมีความสัมพันธ์ของกรรม
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะมีความสัมพันธ์ ไม่ใช่มีบ่วง
“สภาพที่เหนือบ่วงกรรม” หมายถึงการอยู่เหนือ นั่นคือ ละวางจากร่างกาย
ความสัมพันธ์ทางร่างกาย
ทรัพย์สมบัติที่เกี่ยวข้องกับความสัมพันธ์ทั้งทางโลกและทางจิตและบ่วง แม้ว่าคำว่า“ความสัมพันธ์”จะถูกนำมาใช้
แต่หากมีการพึ่งพิงใดๆที่เกี่ยวกับร่างกายหรือความสัมพันธ์ทางร่างกายแล้วสิ่งนั้นก็จะกลายเป็นบ่วง
ในสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
เนื่องจากการล่วงรู้ถึงความลับของความสัมพันธ์ของกรรมและบ่วงกรรม
ลูกจึงอยู่อย่างมีความสุขอยู่เสมอในทุกสถานการณ์
ลูกจะไม่มีวันขุ่นมัวหรืออารมณ์ไม่ดี
ดวงวิญญาณเช่นนั้นจะเป็นอิสระจากบ่วงของบัญชีกรรมใด ๆ ของชาติเกิดในอดีตของเขา
แม้ว่าจะเป็นผลที่มาจากบัญชีกรรมของชาติเกิดในอดีตที่ร่างกายมีความเจ็บป่วยบางอย่างหรือแม้กระทั่งจิตใจอยู่ในความขัดแย้งกับซันสการ์ของดวงวิญญาณอื่น
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะไม่ได้รับอิทธิพลจากความทุกข์ทรมานของกรรม
แต่จะเป็นนายและสามารถทำให้บัญชีได้รับการสะสาง
การเป็นคาร์มาโยคีและการสะสางความทุกข์ทรมานของกรรมเป็นสิ่งชี้บอกของการกลับมาอยู่เหนือบ่วงกรรม
ด้วยโยคะด้วยรอยยิ้มเขาจะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมจากการเหมือนถูกตรึงด้วยกางเขนให้เป็นเช่นหนามตำ
และทำลายสิ่งนั้น นั่นคือเขาจะจบสิ้นความทุกข์ทรมานของกรรม
การสามารถที่จะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมด้วยสภาพคาร์มาโยคะของลูกคือสภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรม
ความคิดที่ไร้ประโยชน์คือเชือกที่ละเอียดอ่อนของบ่วงกรรมบางอย่าง
ดวงวิญญาณที่เหนือบ่วงกรรมจะสัมผัสกับความดีแม้กระทั่งในบางสิ่งที่ไม่ดี
ดวงวิญญาณเช่นนั้นจะพูดว่า ไม่ว่าอะไรก็ตามที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดี ฉันดี พ่อดี
และละครก็ดี ความคิดนี้ทำงานเหมือนกรรไกรที่ตัดบ่วง
เมื่อบ่วงถูกตัดลูกจะกลับมาอยู่ในสภาพที่เหนือบ่วงกรรม
เพื่อที่จะสัมผัสกับสภาพที่ปราศจากร่าง
จงกลับมาเป็นอิสระจากความรู้เกี่ยวกับความปรารถนา
ดวงวิญญาณที่เป็นอิสระจากความปรารถนาที่มีขีดจำกัดใดๆ เช่นนั้นจะเป็นคัมเดนุ
ผู้ที่ทัดเทียมกับพ่อ ผู้ที่เติมเต็มความปรารถนาของทุกคน
เช่นเดียวกับที่คลังสมบัติทั้งหมดของพ่อเต็มเปี่ยมไปด้วยสมบัติที่มีค่าอยู่เสมอ
และไม่มีการกล่าวถึงการบรรลุผลใด ๆที่ขาดหายไป
ในทำนองเดียวกันจงเต็มไปด้วยสมบัติที่มีค่าทั้งหมดเช่นเดียวกับพ่อ
ในขณะที่เล่นบทบาทของลูกในวงจรโลก
การอยู่อย่างเป็นอิสระจากการควงหมุนของความทุกข์มากมายคือสภาพของการหลุดพ้นในชีวิต
เพื่อที่จะสัมผัสกับสภาพเช่นนี้ จงเป็นผู้ที่มีสิทธิ์ทั้งหมด
ผู้เป็นนายที่ทำให้ทุกอภัยวะประสาทสัมผัสทางกายของลูกกระทำการ
มีการกระทำและทันทีที่การกระทำเสร็จสิ้น จงกลับมาละวาง
นี่คือการฝึกฝนของสภาพที่ปราศจากร่าง
พร:
ขอให้ลูกเปลี่ยน “ของฉัน” เป็น “ของท่าน”, เป็นแสงที่เบาสบายเป็นสองเท่า
และสัมผัสกับสภาพที่โบยบิน
ร่างกายที่สูญสลาย
ความมั่งคั่ง และจิตใจเก่าไม่ได้เป็นของลูก ลูกได้มอบให้กับพ่อแล้ว
ความคิดแรกที่ลูกมีคือ: ทุกสิ่งเป็น“ของท่าน” พ่อไม่ได้รับประโยชน์จากสิ่งนี้
แต่ลูกได้รับประโยชน์ เพราะเมื่อลูกพูดว่า “ของฉัน” ลูกจะกลับมาติดกับ
แต่ในขณะที่ลูกพูดว่า “ของท่าน” ลูกจะกลับมาละวาง โดยการพูดว่า “ของฉัน”
ลูกจะมีภาระ แต่โดยการพูดว่า “ของท่าน”
ลูกจะกลายเป็นแสงที่เบาสบายเป็นสองเท่าและเป็นผู้ดูแลผลประโยชน์
เขาไม่สามารถไปถึงสภาพที่สูงสุดได้ จนกว่าเขาจะกลายเป็นแสง
เพียงผู้ที่อยู่อย่างเป็นแสงเท่านั้นที่สามารถสัมผัสกับความปีติสุขโดยผ่านสภาพที่โบยบินของพวกเขา
มีความสุขสันต์หรรษาในการอยู่อย่างเป็นแสง
คติพจน์:
ดวงวิญญาณที่มีพลังคือผู้ที่ไม่สามารถได้รับอิทธิพลจากบุคคลใดหรือจากวัตถุธาตุใด