05.11.2018 Morning
Thai Murli Om Shanti BapDada Madhuban
สาระ:
ลูกๆที่แสนหวาน เพื่อที่จะกลับมามีพลานามัยดีเสมอและมั่งคั่งเสมอ
ในเวลานี้ลูกต้องประกันร่างกาย จิตใจ และทรัพย์สมบัติของลูกโดยตรง
เป็นไปในเวลานี้เท่านั้นที่ลูกจะสามารถรับการประกันที่ไม่มีขีดจำกัด
คำถาม:
ลูกควรเตือนกันและกันเกี่ยวกับอะไรเพื่อที่ลูกทั้งหมดจะสามารถก้าวหน้าไปได้?
คำตอบ:
เตือนกันและกันว่าละครกำลังจะสิ้นสุดลงและเราต้องกลับบ้าน
เราได้เคยเล่นบทบาทนี้มานับครั้งไม่ถ้วน เราได้จบสิ้น 84 ชาติเกิดของเรา
ในเวลานี้เราจะเอาเครื่องแต่งกายนี้,ร่างกายนี้,ออกไปและกลับบ้าน
นี่คืองานรับใช้ของลูกนักสังคมสงเคราะห์ทางจิต
ลูกนักสังคมสงเคราะห์ทางจิตต้องเฝ้าแต่ให้สาส์นนี้แก่ทุกคน:
ลืมร่างกายและความสัมพันธ์ทางร่าง และจดจำพ่อและบ้าน
เพลง:
ทิ้งบัลลังก์ของท่านไว้บนท้องฟ้าและลงมาสู่พื้นโลก…
โอมชานติ
เพลงนี้ถูกร้องเป็นพิเศษในที่ที่มีกีตะพาทชาลา (สถานที่ศึกษากีตะ)
ผู้ที่พูดกีตะร้องคำพูดนี้ก่อน
แต่พวกเขาไม่เข้าใจว่าเป็นผู้ใดที่พวกเขากำลังเรียกหา ในเวลานี้มีการประณามศาสนา
เริ่มแรกมีนักสวด แล้วก็มีคำตอบ (จากกีตะ) พวกเขาเรียกหา:
ได้โปรดมาและพูดความรู้ของกีตะ เพราะบาปได้เพิ่มขึ้นอย่างมาก แล้วก็มีการตอบ (จากกีตะ)
ว่า: เมื่อดวงวิญญาณของบารัตไม่มีความสุขและมีบาป เมื่อมีการประณามศาสนา
และแล้วเป็นเวลานั้นที่พ่อมา ท่านต้องเปลี่ยนรูปของท่าน
ดังนั้นอย่างแน่นอนท่านจะเข้ามาในร่างมนุษย์ ดวงวิญญาณทั้งหมดเปลี่ยนรูปของพวกเขา
ดั้งเดิมลูกดวงวิญญาณนั้นไม่มีตัวตน ลูกมีตัวตนเมื่อลูกมาที่นี่
แล้วลูกก็เรียกได้ว่าเป็นมนุษย์ ดวงวิญญาณมนุษย์ในเวลานี้ไม่บริสุทธิ์และเป็นบาป
และดังนั้นพ่อจึงต้องเปลี่ยนรูปของพ่อและมา เช่นที่ลูกมีตัวตนจากไม่มีตัวตน
ในทำนองเดียวกัน พ่อก็ต้องเปลี่ยนจากไม่มีตัวตนเป็นมีตัวตนด้วยเช่นกัน
ศรีกฤษณะไม่สามารถเข้ามาสู่โลกที่ไม่บริสุทธิ์นี้ได้ เขาคือนายแห่งสวรรค์
ผู้คนคิดว่าศรีกฤษณะพูดกีตะ แต่ศรีกฤษณะไม่สามารถคงอยู่ในโลกที่ไม่บริสุทธิ์นี้ได้
นาม รูป ประเทศ เวลา และกิจกรรมของเขาแยกจากสิ่งนี้อย่างสิ้นเชิง
พ่ออธิบายทั้งหมดนี้ กฤษณะมีแม่และพ่อของเขาเอง
เขามีรูปของเขาที่ถูกสร้างขึ้นในครรภ์ของมารดาของเขา พ่อไม่ได้เข้ามาในครรภ์
แต่อย่างแน่นอนที่พ่อต้องการพาหนะ
พ่อเข้ามาในผู้นี้เมื่อเขาอยู่ในชาติเกิดสุดท้ายจากหลายชาติเกิดของเขา
เขาคือศรีกฤษณะในชาติเกิดแรกของเขา ในเวลานี้ชาติเกิดนี้คือชาติเกิดที่ 84 ของเขา
และชาติเกิดสุดท้ายจากหลายชาติเกิดของเขา ดังนั้นพ่อจึงเข้ามาในเขา
เขาไม่ได้รู้ถึงชาติเกิดของเขา
ศรีกฤษณะไม่ได้พูดว่าเขาไม่รู้เรื่องชาติเกิดของเขาเอง พระเจ้าพูดว่า:
ผู้ที่พ่อเข้ามาในเขานั้นไม่ได้รู้ถึงชาติเกิดของเขาเอง
เพียงพ่อเท่านั้นที่รู้สิ่งนี้ กฤษณะคือนายของอาณาจักร
ในยุคทองมีอาณาจักรสุริยวงศ์เป็นดินแดนของวิษณุ
รูปรวมของลักษมีและนารายณ์เรียกว่าวิษณุ ที่ใดก็ตามที่ลูกให้คำบรรยาย
นั่นก็เพียงพอแล้วที่จะเล่นเพลงนี้เพราะชาวบารัตร้องเพลงนี้ด้วยตนเอง
เพียงเมื่อศาสนานี้หายไปเท่านั้นที่พ่อจะสามารถมาและพูดกีตะได้อีกครั้ง
และก่อตั้งศาสนาเดียวกันอีกครั้ง เนื่องจากไม่มีมนุษย์ของศาสนานั้นเลยในเวลานี้
ความรู้ของกีตะจะปรากฏออกมาจากที่ใด? พ่ออธิบายว่า: ไม่มีคัมภีร์ ฯลฯ
ในยุคทองและยุคเงิน
ทั้งหมดเหล่านั้นคือเครื่องประกอบของหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา
ไม่มีใครสามารถพบพ่อผ่านสิ่งเหล่านั้นได้ อย่างแน่นอนที่พ่อต้องมา
พ่อมาและประทานชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลสแก่ลูกทั้งหมดผ่านการหลุดพ้น
ทุกคนต้องกลับบ้าน หลังจากการเข้าไปสู่การหลุดพ้น ลูกจะไปสู่สวรรค์
ลูกจะเข้าไปสู่การหลุดพ้น แล้วก็เข้าไปสู่การหลุดพ้นในชีวิต พ่อพูดว่า:
ลูกสามารถได้รับการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาทีได้ มีคำกล่าวว่า:
ขณะที่อาศัยอยู่ในครอบครัวของลูก ลูกสามารถได้มาซึ่งการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาที
นั่นคือลูกสามารถเป็นอิสระจากความทุกข์
ซันยาสซีไม่สามารถประทานการหลุดพ้นในชีวิตให้แก่ลูกได้
พวกเขาไม่แม้กระทั่งเชื่อเรื่องการหลุดพ้นในชีวิต
ศาสนาของซันยาสซีไม่ได้คงอยู่ในยุคทองเลย ศาสนาของซันยาสซีคงอยู่ในภายหลัง
ศาสนาอิสลามและศาสนาพุทธ ฯลฯ ไม่ได้อยู่ที่นั่นในยุคทอง
ศาสนาทั้งหมดยกเว้นศาสนาเทพคงอยู่ในเวลานี้
พวกเขาทั้งหมดถูกแปรเปลี่ยนเข้าไปอยู่ในศาสนาอื่น
พวกเขาไม่ได้รู้ถึงศาสนาของพวกเขาเอง ไม่มีใครคิดว่าตนเองเป็นของศาสนาเทพ
พวกเขาพูดว่า: “เจย์ ฮินด์” (ชัยชนะของฮินดูสถาน)
อย่างไรก็ตามไม่มีชัยชนะใดในเวลานี้
ไม่มีใครรู้ว่าเมื่อใดที่บารัตมีชัยชนะและเมื่อใดที่บารัตพ่ายแพ้
เพียงเมื่อลูกได้รับโชคของอาณาจักรและโลกเก่าถูกทำลายเท่านั้นที่บารัตมีชัยชนะ
เป็นราวันที่ทำให้ลูกพ่ายแพ้ และรามที่ทำให้ลูกมีชัยชนะ มีคำกล่าวว่า: “ชัยชนะสำหรับบารัต”
มิใช่ว่า “ชัยชนะสำหรับฮินดูสถาน” พวกเขาเปลี่ยนคำพูด คำพูดของกีตะนั้นดีมาก
พระเจ้า ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใดพูดว่า: พ่อไม่ได้มีแม่หรือพ่อ
พ่อต้องสร้างรูปของพ่อเองเพื่อตัวพ่อเอง พ่อเข้ามาในผู้นี้ แม่ให้กำเนิดแก่กฤษณะ
พ่อคือผู้สร้าง ตามละครแล้ว คัมภีร์เหล่านั้นทั้งหมด ฯลฯ
ถูกสร้างขึ้นสำหรับหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธา กีตะ ภควัทคีตา ฯลฯ
ทั้งหมดถูกสร้างขึ้นบนพื้นฐานของศาสนาเทพ
ศาสนาเทพที่พ่อสร้างได้ผ่านไปแล้วในเวลานี้และจะคงอยู่อีกครั้งในอนาคต ตอนเริ่มต้น
ตอนกลาง และตอนจบเรียกว่าเป็น อดีต ปัจจุบัน และอนาคต ในสิ่งนี้ตอนเริ่มต้น ตอนกลาง
และตอนจบมีความหมายที่ต่างกัน สิ่งที่กลายเป็นอดีตนั้นจะกลายเป็นปัจจุบันอีกครั้ง
เรื่องราวใดก็ตามที่ได้รับการบอกเล่าจากอดีตนั้นจะถูกซ้ำรอยในอนาคต
มนุษย์ไม่ได้รู้ถึงสิ่งเหล่านี้
บาบาบอกลูกในปัจจุบันถึงเรื่องราวใดก็ตามที่เคยเกิดขึ้นในอดีตและสิ่งนั้นจะถูกซ้ำรอยอีกครั้งในอนาคต
ประเด็นเหล่านี้ต้องเป็นที่เข้าใจและลูกจำเป็นต้องมีสติปัญญาที่ละเอียดอ่อนอย่างยิ่งเพื่อที่จะทำความเข้าใจสิ่งนี้
ลูกๆ ควรไปและให้คำบรรยายในที่ใดก็ตามที่ลูกได้รับการเชิญให้ไป ลูกชายอวดพ่อ!
ลูกจะเปิดเผยว่าพ่อของเขาคือใคร อย่างแน่นอนที่พ่อนั้นเป็นที่ต้องการ
มิฉะนั้นลูกจะประกาศสิทธิ์ในมรดกได้อย่างไร? ลูกคือผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด
อย่างไรก็ตามบุคคลสำคัญเหล่านั้นต้องได้รับความเคารพด้วยเช่นกัน
ลูกต้องให้คำแนะนำของพ่อแก่ทุกคน ผู้คนเรียกหา: โอ พระเจ้าผู้เป็นพ่อ!
พวกเขาสวดมนต์ถึงพระเจ้าว่า: โอ พระเจ้าผู้เป็นพ่อได้โปรดมา!
อย่างไรก็ตามพวกเขาไม่ได้รู้ว่าท่านคือใคร ลูกต้องร้องสรรเสริญซีพบาบา
ร้องสรรเสริญศรีกฤษณะ และร้องสรรเสริญบารัตด้วยเช่นกัน บารัตเคยเป็นวัดของชีวา
บารัตเคยเป็นสวรรค์ 5000 ปีที่แล้วบารัตเคยเป็นอาณาจักรของเหล่าเทพ
ใครที่ก่อตั้งอาณาจักรนั้น? อย่างแน่นอนที่ต้องเป็นพระเจ้า
ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด ชีวา ผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด ผู้ที่ไม่มีตัวตน
ผู้ที่เรียกได้เช่นกันว่าเป็นพ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดได้รับการแสดงความเคารพ
แม้ว่าชาวบารัตจะเฉลิมฉลองวันเกิดของชีวา พวกเขาก็ไม่รู้ว่าเมื่อใดที่ชีวามา
อย่างแน่นอนที่ท่านต้องเคยมาในยุคแห่งการบรรจบพบกันก่อนที่สวรรค์จะถูกสร้างขึ้น
ท่านพูดว่า: พ่อมาในยุคแห่งการบรรจบพบกันในทุกวงจร มิใช่ในทุกยุค
หากว่าท่านมาในทุกยุค ก็จะต้องมีการจุติ 4 ครั้ง พวกเขาได้แสดงให้เห็นการจุติมากมาย
เพียงพ่อผู้เดียวเท่านั้น, ผู้ที่สร้างสวรรค์, เป็นผู้ที่สูงสุดเหนือสิ่งอื่นใด
บารัตเคยเป็นสวรรค์ เคยปราศจากกิเลส
และดังนั้นลูกไม่สามารถถามว่าเด็กถือกำเนิดที่นั่นอย่างไร
ระบบธรรมเนียมใดก็ตามที่คงอยู่ เป็นสิ่งเหล่านั้นที่จะดำเนินต่อไป
เหตุใดลูกจึงวิตกกังวลเกี่ยวกับสิ่งนั้น? เริ่มแรกลูกควรตระหนักรู้จักพ่อ
ที่นั่นลูกมีความรู้ของดวงวิญญาณ เราดวงวิญญาณละร่างหนึ่งและรับอีกร่างหนึ่ง
ที่นั่นไม่มีเรื่องของการร้องไห้ และไม่เคยมีการตายก่อนเวลาอันควร
ลูกละร่างของลูกในความสุข ดังนั้นพ่อได้อธิบายว่าท่านมาและเปลี่ยนรูปของท่านอย่างไร
สิ่งนี้ไม่สามารถกล่าวถึงกฤษณะได้ เขาถือกำเนิดผ่านครรภ์ บราห์มา วิษณุ
และชางก้าอาศัยอยู่ในอาณาเขตที่ละเอียดอ่อน
อย่างแน่นอนที่จำเป็นต้องมีพ่อของมวลมนุษย์ที่นี่ เราคือลูกๆ ของท่าน
พ่อที่ไม่มีตัวตนนั้นไม่สูญสลายและเราดวงวิญญาณก็ไม่สูญสลายด้วยเช่นกัน
อย่างไรก็ตาม อย่างแน่นอนที่เราต้องถือกำเนิดและกลับมาใช้ชาติเกิด
ละครนี้ถูกกำหนดไว้แล้ว ลูกพูดว่า: มาและพูดความรู้ของกีตะอีกครั้ง
ผู้ที่มาและจากไปทั้งหมดนั้นจะเข้ามาสู่วงจรอย่างแน่นอน พ่อมาและจากไปด้วยเช่นกัน
และเวลานี้ได้มาอีกครั้ง ท่านพูดว่า: พ่อมาและพูดกีตะแก่ลูกอีกครั้ง ผู้คนเรียกหา “โอ
ผู้ชำระให้บริสุทธิ์ได้โปรดมา!” ดังนั้นอย่างแน่นอนที่โลกนี้ไม่บริสุทธิ์
ทั้งหมดไม่บริสุทธิ์
เหตุนี้เองพวกเขาจึงไปเพื่อชำระให้บริสุทธิ์ของพวกเขาโดยการอาบน้ำในแม่น้ำคงคา
สวรรค์เคยคงอยู่ในบารัตนี้ บารัตคือดินแดนที่เป็นนิรันดร์ที่สูงส่ง
เป็นสถานที่จาริกแสวงบุญสำหรับทุกคน มนุษย์ทั้งหมดไม่บริสุทธิ์
พ่อคือผู้เดียวที่ประทานการหลุดพ้นในชีวิตให้แก่ทุกคน
อย่างแน่นอนที่จะต้องมีการร้องสรรเสริญผู้ที่ทำงานรับใช้ที่ยิ่งใหญ่เช่นนั้น
บารัตคือสถานที่เกิดของพ่อที่ไม่สูญสลาย ท่านคือผู้เดียวที่ทำให้ทุกคนบริสุทธิ์
พ่อไม่สามารถจากสถานที่เกิดของท่านและไปที่อื่น
ดังนั้นพ่อนั่งที่นี่และอธิบายว่าท่านสร้างรูปของท่านเองอย่างไร
ทุกสิ่งขึ้นอยู่กับคุณธรรมของลูก สถานภาพของลูกขึ้นอยู่กับว่าลูกสร้างสมมากเพียงใด
ไม่ใช่ทุกคนที่จะสามารถอ่านมุรลีได้ในวิธีเดียวกัน
แม้ว่าทุกคนอาจจะสามารถเป่าขลุ่ยไม้ไผ่ได้
พวกเขาทั้งหมดจะไม่สามารถเป่าขลุ่ยในวิธีเดียวกันได้ ทุกคนเล่นบทบาทของเขาต่างกัน
บทบาทที่ใหญ่โตเช่นนั้นอยู่ภายในดวงวิญญาณที่สุดแสนเล็ก ดวงวิญญาณสูงสุดพูดว่า:
พ่อต้องเล่นบทบาทด้วยเช่นกัน พ่อมาเมื่อมีการประณามศาสนา
พ่อให้ผลตอบแทนในหนทางแห่งความเลื่อมใสศรัทธาด้วยเช่นกัน
ผู้คนให้ทานและทำบุญในนามของพระเจ้าและดังนั้นเป็นพระเจ้าที่ให้ผลของการให้ทานนั้น
แต่ละคนประกันตนเอง
พวกเขาเชื่อว่าพวกเขาจะได้รับผลของสิ่งที่พวกเขาได้ให้ในชาติเกิดถัดไปของพวกเขา
ในขณะที่ลูกประกันตนเองถึง 21 ชาติเกิด สิ่งนั้นเป็นการประกันทางอ้อมที่มีขีดจำกัด
ในขณะที่สิ่งนี้คือการประกันทางตรงที่ไม่มีขีดจำกัด
ลูกจะได้มาซึ่งทรัพย์สมบัติที่ไร้ขีดจำกัดเมื่อลูกประกันจิตใจ ร่างกาย
และทรัพย์สมบัติของลูก ลูกจะมีพลานามัยดีเสมอและ มั่งคั่งเสมอ
ลูกกำลังประกันตนเองโดยตรง
มนุษย์ให้ทานในนามของพระเจ้าเพราะพวกเขาเชื่อว่าพระเจ้าจะให้ผลตอบแทนของทานนั้นแก่พวกเขา
พวกเขาไม่ได้เข้าใจว่าท่านให้ผลตอบแทนนั้นอย่างไร
มนุษย์คิดว่าสิ่งใดก็ตามที่พวกเขาได้รับนั้นพระเจ้าเป็นผู้ให้มา
คิดว่าพระเจ้าให้ลูกแก่เขา อัจชะ หากพระเจ้าให้ลูกแก่พวกเขา
ท่านก็สามารถนำเด็กนั้นกลับไปได้ด้วยเช่นกัน อย่างแน่นอนที่ลูกทั้งหมดต้องตาย
ไม่มีสิ่งใดจะไปกับลูก ร่างกายของลูกจะจบสิ้นลงด้วยเช่นกัน
ดังนั้นประกันสิ่งใดก็ตามที่ลูกต้องการในเวลานี้
เพื่อที่สิ่งนั้นจะได้รับการประกันถึง 21 ชาติเกิด
ไม่ใช่ว่าลูกสามารถประกันทุกสิ่งแล้วไม่ทำงานรับใช้ใด แต่เฝ้าแต่รับประทานที่นี่
ลูกต้องทำงานรับใช้ ค่าใช้จ่ายของการเลี้ยงดูลูกดำเนินต่อไปด้วยเช่นกัน
หากลูกประกันทุกสิ่งและรับประทานต่อไปที่นี่ ลูกจะไม่ได้รับสิ่งใด
ลูกจะได้รับบางสิ่งเมื่อลูกทำงานรับใช้
เพียงเมื่อนั้นเองที่ลูกจะประกาศสิทธิ์ในสถานภาพที่สูง ยิ่งลูกทำงานรับใช้มากเท่าใด
ลูกก็จะได้รับมากเท่านั้น ยิ่งลูกทำงานรับใช้น้อยเท่าใด ลูกก็จะได้รับน้อยเท่านั้น
นักสังคมสงเคราะห์ของรัฐบาลก็ต่างลำดับกันไปด้วยเช่นกัน
พวกเขามีหัวหน้าที่สำคัญมากมาย มีนักสังคมสงเคราะห์หลายประเภท
ประเภทของพวกเขาคืองานรับใช้ทางร่าง ในขณะที่ประเภทของลูกคืองานรับใช้ทางจิต
ลูกทำให้ทุกคนกลายเป็นผู้จาริกแสวงบุญ นี่คือการจาริกแสวงบุญทางจิตที่พาลูกไปหาพ่อ
พ่อพูดว่า: ละทิ้งสำนึกทางร่างของลูก ความสัมพันธ์ทางร่างของลูกและกูรู ฯลฯ
ด้วยเช่นกัน และจดจำพ่อผู้เดียว พ่อสูงสุด ดวงวิญญาณสูงสุดนั้นไม่มีตัวตน
ท่านนำรูปที่มีตัวตนมาใช้เพื่อที่จะอธิบายแก่ลูก ท่านพูดว่า: พ่อยืมร่างนี้มาใช้
พ่อรับการค้ำจุนของวัตถุธาตุ
ลูกมาอย่างเปลือยเปล่าและเวลานี้ลูกทั้งหมดต้องกลับบ้านอีกครั้ง
ท่านพูดกับดวงวิญญาณของศาสนาทั้งหมดว่าความตายกำลังอยู่เบื้องหน้า
ยาดาวาสและฆราวาสทั้งหมดจะถูกทำลาย
และพันดาวาสจะมาอีกครั้งเพื่อปกครองอาณาจักรของพวกเขา
บทของกีตะนั้นกำลังซ้ำรอยอีกครั้ง โลกเก่ากำลังจะถูกทำลาย ขณะที่ลูกใช้ 84 ชาติเกิด
โลกนี้ก็กลับมาเก่า ในเวลานี้ที่ลูกได้จบสิ้น 84 ชาติเกิดของลูก
การละเล่นกำลังจะสิ้นสุดลง ในเวลานี้เราต้องกลับบ้าน
เราจะละทิ้งร่างของเราและกลับบ้าน
เฝ้าแต่เตือนกันและกันว่าในเวลานี้เราต้องกลับบ้าน เราได้เล่นบทบาทของ 84
ชาติเกิดนี้นับครั้งไม่ถ้วน การละเล่นนี้ถูกสร้างขึ้นเป็นนิรันดร์
ผู้คนต้องกลับไปสู่ส่วนของตนในศาสนาของพวกเขา
ต้นอ่อนของศาสนาเทพที่ได้หายไปนั้นกำลังถูกเพาะหว่านในเวลานี้
ผู้ที่เคยเป็นดอกไม้จะมาอีกครั้ง ดอกไม้ที่ดีจำนวนมากมา แต่เนื่องจากพายุของมายา
ดอกไม้เหล่านั้นก็ตกลงมา และแล้วด้วยการได้รับสมุนไพรชุบชีวิตของความรู้
ดอกไม้เหล่านั้นก็จะยืนขึ้น/เบ่งบานอีกครั้ง พ่อพูดว่า: ลูกได้ศึกษาคัมภีร์ ฯลฯ
แล้ว ผู้นี้มีกูรู ฯลฯ ด้วยเช่นกัน
มีผู้เดียวเท่านั้นที่สามารถประทานชีวิตใหม่ที่ไม่มีกิเลสให้แก่ทุกคน
รวมถึงกูรูด้วย มีการหลุดพ้นและการหลุดพ้นในชีวิตในหนึ่งวินาที มีราชาและราชินี
และดังนั้นก็กลายเป็นหนทางของครอบครัว
สิ่งนี้เคยเป็นหนทางของครอบครัวที่ปราศจากกิเลส
ในขณะที่ในเวลานี้ได้กลายเป็นหนทางครอบครัวที่มีกิเลสอย่างสมบรูณ์
อาณาจักรของราวันไม่ได้คงอยู่ที่นั่น อาณาจักรของราวันเริ่มขึ้นหลังจากครึ่งของวงจร
เป็นชาวบารัตที่พ่ายแพ้ราวัน ผู้คนของศาสนาอื่นทั้งหมดผ่านสภาพสโต
รโชและตโมระหว่างเวลาของเขาเอง เริ่มแรกพวกเขามีความสุขและแล้วพวกเขาก็ไม่มีความสุข
หลังจากการหลุดพ้น ก็มีการหลุดพ้นในชีวิต
ในเวลานี้ทุกคนไม่บริสุทธิ์และเสื่อมโทรมอย่างสมบูรณ์
แต่ละดวงวิญญาณต้องละร่างของเขาแล้วรับร่างใหม่อีกร่างหนึ่ง พ่อพูดว่า:
พ่อไม่ได้เข้ามาสู่วงจรของการเกิดและการกลับชาติมาเกิด
ไม่มีใครสามารถเป็นพ่อของพ่อได้ ทุกคนอื่นมีพ่อ
แม้กระทั่งการเกิดของกฤษณะก็เกิดขึ้นผ่านครรภ์ของมารดา
บราห์มานี้จะใช้ชาติเกิดผ่านครรภ์และแล้วท่านก็จะได้รับอาณาจักร
เป็นบราห์มาที่ต้องกลับมาใหม่จากเก่า ท่านมีอายุ 84 ชาติเกิด
สิ่งนี้ยากมากที่จะนั่งอยู่ในสติปัญญาของผู้ใดอย่างถูกต้องแม่นยำเพื่อที่พวกเขาจะมีความซาบซึ้งอย่างยิ่ง
ความรู้นี้เป็นเช่นชะมดเชียง(สารที่มีกลิ่นหอมได้จากตัวชะมดใช้ทำน้ำหอม-ผู้แปล)
ที่มีกลิ่นหอมอย่างยิ่ง อัจชะ
ถึงลูกๆที่สุดแสนหวาน ผู้เป็นที่รักยิ่ง ที่จากหายไปนาน เวลานี้ได้พบพานอีกครั้ง
รัก ระลึกถึง และสวัสดีตอนเช้า จากแม่ พ่อ บัพดาดา พ่อทางจิตพูดนมัสเตกับลูกๆ
ทางจิต
สาระสำหรับการสร้างสมเพื่อการเป็นตัวของความรู้ คุณธรรม และการจดจำระลึกถึง:
1. กลายเป็นนักสังคมสงเคราะห์ทางจิต และสอนการจาริกแสวงบุญทางจิตนี้แก่ทุกคน
เพาะต้นอ่อนของศาสนาเทพของลูก
2. ใช้สติปัญญาที่ละเอียดอ่อนของลูกเพื่อเปิดเผยพ่อ
เริ่มแรกสร้างสมทุกสิ่งด้วยตนเองแล้วอธิบายสิ่งนั้นแก่ผู้อื่น
พร:
ขอให้ลูกเป็นผู้รับใช้ที่มีพลัง
ผู้ที่ให้ความรู้ที่เป็นอมตะนี้แก่ดวงวิญญาณทั้งหลายและปลดปล่อยพวกเขาจากความกลัวของการตายก่อนเวลาอันควรของพวกเขา
ผู้คนทุกหนแห่งในโลกกลัวการตายก่อนเวลาอันควร พวกเขารับประทานในความกลัว
เคลื่อนไหวในความกลัว และนอนหลับในความกลัว
บอกบางสิ่งที่มีความสุขกับเหล่าดวงวิญญาณเช่นนั้นและปลดปล่อยพวกเขาจากความกลัวของพวกเขา
ให้ข่าวดีแก่พวกเขาว่าลูกสามารถช่วยพวกเขาให้พ้นจากการตายก่อนเวลาอันควรได้ถึง 21
ชาติเกิด ทำให้ทุกดวงวิญญาณเป็นอมตะโดยการให้ความรู้ที่เป็นอมตะแก่พวกเขา
ด้วยสิ่งนี้พวกเขาจะพ้นจากการตายก่อนเวลาอันควรชาติแล้วชาติเล่า
ด้วยกระแสจิตของความสงบและความสุขของลูก จงกลายเป็นผู้รับใช้ที่มีพลัง
ผู้ที่ให้ประสบการณ์ของความสุขและความสบายแก่ทุกคน
คติพจน์:
โดยการรักษาความสมดุลของการจดจำระลึกถึงและงานรับใช้เท่านั้นที่ลูกจะสามารถได้รับพรของทุกคน