คำจำกัดความที่ลึกล้ำของสภาพคาร์มาทีท (สภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรม)
วันนี้ บัพดาดาที่ปราศจากร่างกำลังเห็นลูกๆที่สูงส่งของท่านที่อยู่อย่างมั่นคงในสภาพที่ปราศจากร่าง ทุกดวงวิญญาณบราห์มินเข้ามาใกล้สภาพที่สมบูรณ์พร้อมของเขาโดยมีจุดมุ่งหมายที่สูงส่งในการกลับมาปราศจากร่างและคาร์มาทีท(อยู่เหนือบ่วงกรรม) วันนี้บัพดาดาได้เห็นว่าลูกๆแต่ละคนเข้าใกล้สภาพที่อยู่เหนือบ่วงกรรมและปราศจากร่างมากเพียงใดและลูกได้ทำตามพ่อบราห์มามากเพียงใดและยังคงทำเช่นนั้นมากเพียงใด เป้าหมายของลูกทุกคนคือการใกล้ชิดกับพ่อและทัดเทียมกับท่าน แต่ลูกจะกลายเป็นสิ่งนั้นตามลำดับกันไปเมื่อต้องทำสิ่งนี้ในทางปฏิบัติ ลูกได้เห็นตัวอย่างในทางกายภาพของพ่อบราห์มาที่อยู่ในร่างนั้นและยังคงอยู่อย่างปราศจากร่างนั่นคือคาร์มาทีท แล้วคุณสมบัติพิเศษของคาร์มาทีทคืออะไร? ตราบเท่าที่ลูกยังมีร่างกายนั้นและลูกกำลังเล่นบทบาทของลูกผ่านอวัยวะทางกายของลูกในสนามของการกระทำนี้ ลูกจะไม่สามารถหยุดการกระทำได้แม้แต่วินาทีเดียว "คาร์มาทีท” หมายถึงการอยู่เหนือบ่วงกรรมในขณะที่กำลังแสดงการกระทำ บ่วงเป็นสิ่งหนึ่งและความสัมพันธ์ก็เป็นอีกสิ่งหนึ่ง การเข้าสู่ความสัมพันธ์ของกรรมผ่านอวัยวะทางกายเป็นเรื่องที่แตกต่างจากการผูกติดอยู่ในบ่วงของกรรม บ่วงกรรมทำให้ลูกต้องขึ้นอยู่กับผลของกรรมที่มีขีดจำกัด คำว่า "ขึ้นอยู่กับ" พิสูจน์ให้เห็นว่าลูกขึ้นอยู่กับใครบางคน ผู้ที่พึ่งพิงผู้อื่นกลายเป็นผู้ที่เร่ร่อนไปทั่วเหมือนผี สภาพของมนุษย์ที่ถูกวิญญาณชั่วร้ายเข้าสิงคืออะไร? เขาก็เดินเร่ร่อนไปทั่วภายใต้การควบคุมของคนอื่น ในทำนองเดียวกันถ้าลูกถูกควบคุมโดยการกระทำของลูกนั่นคือถ้าลูกถูกควบคุมโดยความปรารถนาของผลแห่งกรรมที่สูญสลายแล้วกรรมนั้นจะผูกลูกไว้ในบ่วงบางอย่างและทำให้ลูกเร่ร่อนด้วยสติปัญญาของลูกต่อไป นั่นเรียกว่าบ่วงแห่งกรรมที่ทำให้ลูกทุกข์ระทมและคนอื่นๆด้วย "คาร์มาทีท"หมายถึงคนที่ไม่ได้ขึ้นอยู่กับกรรม แต่เป็นคนที่เข้ามามีความสัมพันธ์ (การเชื่อมโยง) กับอวัยวะทางกายในฐานะที่เป็นนายและในฐานะผู้มีอำนาจ เป็นคนที่ละวางจากความปรารถนาชั่วคราว และเป็นผู้ที่ทำให้อวัยวะทางกายกระทำ ขอให้การกระทำ(กรรม)ไม่ทำให้ดวงวิญญาณผู้เป็นนายต้องขึ้นอยู่กับ แต่ให้ดวงวิญญาณผู้มีสิทธิที่ทำให้อวัยวะสามารถดำเนินการต่อไปได้ เมื่ออวัยวะทางกายดึงดูดลูกนั่นหมายความว่าลูกถูกควบคุมโดยการกระทำของลูก ลูกต้องพึ่งพิงและผูกติดอยู่ในบ่วง "คาร์มาทีท"หมายถึงการอยู่เหนือจากสิ่งนี้นั่นคือละวางจากสิ่งนี้ มันเป็นงานของดวงตาที่จะมองเห็น แต่ใครล่ะที่ทำให้ดวงตาสามารถแสดงการมองเห็นได้? ดวงตาแสดงการกระทำ แต่เป็นดวงวิญญาณที่ทำให้การกระทำนั้นดำเนินไปได้ ดังนั้นเมื่อดวงวิญญาณที่สามารถทำให้การกระทำเกิดขึ้นได้กลับมาขึ้นอยู่กับอวัยวะทางกายที่ทำหน้าที่นั้นเรียกว่าบ่วงของกรรม เมื่อลูกกลายเป็นคนที่ทำให้มีการกระทำหรือทำให้การกระทำเกิดขึ้นเรียกว่าการเข้าสู่ความสัมพันธ์ของกรรม ดวงวิญญาณคาร์มาทีทเข้าสู่ความสัมพันธ์ แต่ไม่ได้ผูกติดอยู่ในบ่วง บางครั้งลูกพูดว่า: ฉันไม่ได้ต้องการที่จะพูดเช่นนั้น แต่ฉันก็พูดไปแล้ว ฉันไม่ต้องการจะทำแบบนั้น แต่ฉันก็ทำไปแล้ว กล่าวได้ว่าดวงวิญญาณเช่นนั้นเป็นดวงวิญญาณที่ถูกควบคุมโดยบ่วงแห่งกรรม ดวงวิญญาณเช่นนี้จะกล่าวได้ว่าอยู่ใกล้หรือไกลจากสภาพคาร์มาทีท?
"คาร์มาทีท" หมายถึงการอยู่เหนือนั่นคือแยกออกจากบ่วงของร่างกาย,ความสัมพันธ์ทางร่างกาย,วัตถุและความสัมพันธ์ทางโลกและทางจิต แม้ว่าคำที่ใช้คือ "ความสัมพันธ์" - ความสัมพันธ์ทางร่างกายหรือความสัมพันธ์กับญาติทางโลก – หากมีการพึ่งพิงร่างกายหรือญาติพี่น้องแล้วความสัมพันธ์นั้นก็จะกลายเป็นบ่วงเช่นกัน คำว่า "ความสัมพันธ์" เป็นคำที่ให้ประสบการณ์ที่น่ารักและพิเศษสุดไม่เหมือนใครให้กับลูก ความสัมพันธ์ของทุกดวงวิญญาณในปัจจุบันได้เปลี่ยนแปลงไปกลายเป็นบ่วง ในกรณีที่ความสัมพันธ์ดำเนินไปในรูปของบ่วง,ความผูกพันเหล่านั้นยังคงก่อให้เกิดความทุกข์ไม่ทางใดก็ทางหนึ่ง มันจะทำให้พวกเขาสัมผัสกับคลื่นแห่งความทุกข์หรือไม่มีความสุข แม้ว่าจะได้รับความสำเร็จเพียงชั่วคราว แต่พวกเขาก็จะได้สัมผัสกับความสุขของความสำเร็จเหล่านั้นเพียงชั่วคราว นอกเหนือจากความสุขนั้นแล้ว,หนึ่งนาทีพวกเขาจะได้สัมผัสกับการเป็นตัวของการบรรลุผลและในนาทีถัดไปแม้ว่าจะได้มาซึ่งการบรรลุผลทั้งหมด แต่พวกเขาก็จะสัมผัสกับสภาพของการขาดการบรรลุผล แม้ว่าจะเต็มและเปี่ยมล้น แต่พวกเขาจะรู้สึกว่าตัวเองว่างเปล่า แม้ว่าจะมีทุกสิ่ง แต่พวกเขาก็ยังคงรู้สึกว่าพวกเขาต้องการสิ่งอื่นอีก และในกรณีที่ดวงวิญญาณยังต้องการบางสิ่งอยู่ตลอดเวลาก็จะไม่มีวันพึงพอใจใดๆ จะเป็นไปไม่ได้ที่จิตใจร่างกายของพวกเขาหรือคนอื่นๆที่จะอยู่อย่างมีความสุขตลอดเวลา พวกเขามักจะไม่พอใจกับตนเองหรือกับคนอื่นอยู่เสมอเนื่องจากสิ่งใดสิ่งหนึ่ง แม้กระทั่งขัดกับความปรารถนาของตนเอง เนื่องจากการมีอารมณ์เสียมีความไม่พอใจหมายความว่าพวกเขาไม่เข้าใจนัยสำคัญของสิ่งนี้ หมายความว่าพวกเขายังไม่เข้าใจถึงนัยสำคัญของการเป็นผู้ที่มีสิทธิที่จะทำให้อวัยวะทางกายของตนแสดงการกระทำได้ ดังนั้นพวกเขาจึงไม่พอใจใช่ไหม? ผู้ที่คาร์มาทีทจะไม่มีวันอารมณ์เสียหรือไม่พอใจเพราะพวกเขารู้ถึงนัยสำคัญของความสัมพันธ์ของกรรมและบ่วงของกรรม มีการกระทำ,แต่ไม่ใช่ในขณะที่ต้องพึ่งพิง แต่ในฐานะผู้ที่มีสิทธิ ในฐานะผู้เป็นนาย "คาร์มาทีท"หมายถึงผู้ที่หลุดพ้นเป็นอิสระจากบ่วงของบัญชีกรรมของเขาในอดีต แม้ว่าจะมีความเจ็บป่วยของร่างกายเนื่องจากบัญชีกรรมของกรรมในอดีตบางอย่างหรือหากซันสการ์ของตัวเองขัดแย้งกับซันสการ์ของดวงวิญญาณอื่น คนที่คาร์มาทีทจะไม่ถูกควบคุมโดยความทุกข์ทรมานของกรรมใดๆ แต่ในฐานะที่เป็นนายจะทำให้สามารถชำระสะสางบัญชีนั้นได้ การชำระสะสางความทุกข์ทรมานของกรรมในฐานะคาร์มาโยคีเป็นสัญญาณบ่งชี้ของการคาร์มาทีท ด้วยโยคะด้วยรอยยิ้มเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมจากการตรึงไม้กางเขนเป็นหนามแล้วเผามัน นั่นคือจบสิ้นความทุกข์ทรมานของกรรม อย่าให้มันเกิดโรคในรูปแบบใด เมื่อมันกลายเป็นโรคบางอย่าง คนๆนั้นก็มักจะพูดอยู่เรื่อยๆว่ามันเป็นโรค เขาจะพูดถึงเรื่องนี้ในจิตใจของเขาเองและทางริมฝีปากด้วย ประการที่สองเนื่องจากมันเป็นรูปแบบของโรคตัวเขาเองจึงมีความทุกข์และจะทำให้ผู้อื่นเป็นทุกข์ด้วย ดวงวิญญาณเช่นนั้นจะร้องออกมาในขณะที่คนที่คาร์มาทีทจะจัดการได้ บางคนมีอาการปวดเพียงเล็กน้อยและร้องไห้ออกมาอย่างมาก ในขณะที่บางคนมีความเจ็บปวดมากแต่ก็ยังจัดการได้ เพราะคนที่มีสภาพคาร์มาทีทเป็นนายของร่างกายของเขาแม้ว่าเขาจะทุกข์ทรมานสำหรับกรรมของเขา แต่เขาก็จะฝึกฝนที่จะมีการละวาง ทุกๆครั้งประสบการณ์ของสภาพที่ปราศจากร่างจะพาเขาไปอยู่เหนือความเจ็บป่วยของเขา เช่นเดียวกับที่เมื่อคนที่เจ็บปวดถูกทำให้หมดสติด้วยสิ่งอำนวยความสะดวกทางวิทยาศาสตร์เพื่อให้เขาลืมความเจ็บปวดและเขาไม่รู้สึกถึงความเจ็บปวดนั้นเนื่องจากฤทธิ์ของยานั้นที่ทำให้เขาง่วงซึม ในทำนองเดียวกันเนื่องจากบางคนที่อยู่ในสภาพคาร์มาทีทของเขามีการฝึกฝนที่จะละวาง เขาได้รับการฉีดยาทางจิตวิญญาณนี้ครั้งแล้วครั้งเล่า ด้วยเหตุนี้เขาจึงได้สัมผัสกับการตรึงไม้กางเขนว่าเป็นเพียงหนาม อีกประการหนึ่งคือการทำตามพ่อ เขาจะได้รับพรพิเศษจากหัวใจของพ่อในฐานะผลที่มองเห็นได้จากการเชื่อฟังเป็นพิเศษ ประการแรกการฝึกฝนตนเองของการปราศจากร่างและประการที่สองพรจากพ่ออันเป็นผลมาจากการที่พวกเขาเชื่อฟังจึงเปลี่ยนความเจ็บป่วยนั่นคือความทุกข์ทรมานของกรรมจากการตรึงไม้กางเขนเป็นหนาม ดวงวิญญาณคาร์มาทีทที่สูงส่งจะเปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมด้วยสภาพของคาร์มาโยคะ ลูกเคยสัมผัสกับสิ่งนี้หรือไม่ หรือลูกรู้สึกว่ามันเป็นเรื่องใหญ่มาก? มันง่ายหรือยาก? การทำเรื่องเล็กให้เป็นเรื่องใหญ่ หรือการทำให้เรื่องใหญ่เป็นเรื่องเล็กก็ขึ้นอยู่กับสภาพของลูกเอง การมีความทุกข์ใจหรือการรักษาเกียรติของการเป็นนายก็ขึ้นอยู่กับลูก "เกิดอะไรขึ้น?" หรือ "สิ่งที่เกิดขึ้นเป็นสิ่งที่ดี" ก็ขึ้นอยู่กับลูก ศรัทธานี้สามารถเปลี่ยนเรื่องร้ายให้กลายเป็นดีได้ เนื่องจากการชำระบัญชีกรรมของลูกและข้อสอบในทางปฏิบัติเป็นครั้งคราวตามละครบางสิ่งจะมาปรากฏต่อหน้าลูกในรูปที่ดี อย่างไรก็ตามในบางครั้งบางสิ่งก็ดี แต่ภายนอกจะมาในรูปของการสูญเสีย ลูกจะกล่าวถึงสิ่งนี้และพูดว่า: มันไม่ดีเลยที่เป็นเช่นนั้น แม้กระทั่งในตอนนี้สถานการณ์ก็จะยังคงมาอยู่เรื่อยๆและสถานการณ์นั้นก็จะยังคงมาในรูปแบบนั้นอยู่เรื่อยๆ แต่เบื้องหลังม่านแห่งการสูญเสียนั้นก็มีคุณประโยชน์ซ่อนอยู่ ม่านภายนอกดูเหมือนจะเป็นหนึ่งในการสูญเสีย หากลูกอดกลั้นสักเล็กน้อยและมีสภาพที่อดทนและมองทุกสิ่งด้วยการสำรวจตนลูกจะสามารถเห็นสิ่งที่ซ่อนอยู่หลังม่านภายนอกนั้นและแม้ว่าจะเห็นรูปแบบที่ชัดเจนลูกก็จะไม่เห็น ลูกเป็นหงส์ที่ศักดิ์สิทธิ์ใช่หรือไม่? เนื่องจากหงส์เหล่านั้นสามารถแยกหินออกจากเพชรพลอยได้แล้วหงส์ที่ศักดิ์สิทธิ์ก็จะได้รับคุณประโยชน์ที่ซ่อนอยู่ พวกเขาจะพบคุณประโยชน์ท่ามกลางการสูญเสีย ลูกเข้าใจไหม? ลูกกลัวอย่างรวดเร็ว แล้วจะเกิดอะไรขึ้น? สิ่งที่ลูกเคยคิดว่าดีก็เปลี่ยนไปเมื่อลูกมีความกลัว ดังนั้นอย่าได้กลัว เมื่อลูกเห็นการกระทำอย่าได้ติดอยู่ในบ่วงของการกระทำนั้น "เกิดอะไรขึ้น? มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? มันไม่ควรเกิดขึ้นเช่นนั้น ทำไมมันถึงเกิดขึ้นกับฉันเสมอ? มันเป็นเพียงโชคของฉันที่เป็นเช่นนั้น "ลูกเฝ้าแต่ผูกเชือกเช่นนี้ ความคิดเหล่านี้เป็นเชือกหรือสายใย นี่คือวิธีที่ลูกผูกมัดตัวเองในบ่วงของกรรม ความคิดที่ไร้ประโยชน์เป็นเชือกหรือสายใยอันละเอียดอ่อนของบ่วงกรรม ดวงวิญญาณคาร์มาทีทจะพูดว่า "ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นก็เป็นสิ่งที่ดี ฉันดี พ่อก็ดี และละครก็ดีเช่นกัน ความคิดเหล่านี้ทำงานเหมือนกรรไกรที่ตัดบ่วงใดๆ เมื่อบ่วงถูกตัดลูกจะกลับมาคาร์มาทีทใช่หรือไม่? เนื่องจากการเป็นลูกของพ่อผู้ให้คุณประโยชน์ ทุกวินาทีของยุคบรรจบพบกันจึงมีความเมตตากรุณาที่ให้คุณประโยชน์ ในทุกวินาทีธุรกิจของลูกคือการนำมาซึ่งคุณประโยชน์ งานรับใช้ของลูกคือนำมาซึ่งคุณประโยชน์ อาชีพของบราห์มินคือการเป็นผู้ที่เปลี่ยนแปลงโลกและผู้ที่ให้คุณประโยชน์ต่อโลก สำหรับดวงวิญญาณที่สติปัญญามีความศรัทธาเช่นนั้น ในทุกช่วงเวลามีคุณประโยชน์อย่างแน่นอน ลูกเข้าใจไหม?
มีคำจำกัดความมากกว่านี้ในภาษาสำหรับ "คาร์มาทีท" เช่นเดียวกับที่ปรัชญาแห่งกรรมนั้นลึกล้ำ ดังนั้นคำจำกัดความของสภาพคาร์มาทีทก็ยอดเยี่ยม,ยิ่งใหญ่เช่นกัน และจำเป็นอย่างยิ่งที่จะต้องกลับมาคาร์มาทีท หากไม่กลับมาคาร์มาทีทลูกจะกลับไปกับพ่อไม่ได้ ใครจะกลับไปกับพ่อ? ผู้ที่ทัดเทียมกัน ลูกได้เห็นพ่อบราห์มาและวิธีที่เขาบรรลุสภาพคาร์มาทีทแล้ว การทำตามท่านในการกลับมาคาร์มาทีทหมายถึงการมีค่าที่จะกลับไปกับพ่อ พอแล้วสำหรับการพูดในวันนี้ ตรวจสอบสิ่งนี้ให้มากในตอนนี้ แล้วบาบาจะบอกลูกเพิ่มเติม อัจชะ
ถึงทุกคนที่อยู่อย่างมั่นคงอยู่ในสภาพของการมีสิทธิ, ถึงผู้ที่เปลี่ยนบ่วงของกรรมใดๆให้เป็นความสัมพันธ์ของกรรม, ถึงผู้ที่เปลี่ยนความทุกข์ทรมานของกรรมให้เป็นสภาพคาร์มาโยคะและเปลี่ยนการตรึงไม้กางเขนเป็นหนาม ถึงผู้ที่นำมาซึ่งคุณประโยชน์ในทุกๆวินาที ถึงผู้ที่มีประสบการณ์ใกล้ชิดกับสภาพคาร์มาทีทเช่นพ่อบราห์มา ถึงดวงวิญญาณพิเศษเช่นนี้ ด้วยความรัก ความทรงจำระลึกถึง และนมัสเตของบัพดาดา
อะแวคบัพดาดาพบกลุ่ม:
1) ลูกสัมผัสว่าตัวเองเป็นลูกที่มีพลังของพ่อผู้ทรงพลังอย่างสม่ำเสมอหรือไม่? ไม่ใช่ว่าบางครั้งลูกมีพลังและบางครั้งอ่อนแอใช่ไหม? "มีพลัง" หมายถึงมีชัยชนะเสมอ ผู้ที่มีพลังไม่มีวันพ่ายแพ้ พวกเขาไม่สามารถพ่ายแพ้ได้แม้ในความฝัน การได้รับชัยชนะในความฝันความคิดและการกระทำของลูกอยู่เสมอเรียกได้ว่ามีพลัง ลูกมีพลังในลักษณะนี้หรือไม่? เนื่องจากผู้ที่ได้รับชัยชนะในเวลานี้คือผู้ที่มีค่าควรได้รับการยกย่องและกราบไหว้บูชาในสายลูกประคำแห่งชัยชนะเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน หากลูกไม่ได้รับชัยชนะเป็นเวลาอันยาวนาน หากลูกไม่มีพลัง ลูกก็ไม่สามารถมีค่าควรได้รับการยกย่องหรือกราบไหว้บูชาเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ผู้ที่ได้รับชัยชนะเป็นระยะเวลาที่ยาวนานคือผู้ที่มีค่าควรได้รับการยกย่องและกราบไหว้บูชาในสายประคำแห่งชัยชนะเป็นระยะเวลาที่ยาวนาน ในขณะที่ผู้ที่ได้รับชัยชนะเพียงบางครั้งก็เข้ามาในบางครั้งเท่านั้น นั่นคือเข้ามาสู่ลูกประคำหนึ่งหมื่นหกพัน ดังนั้นจึงมีบัญชีเป็นระยะเวลาที่ยาวนานและมีบัญชีอยู่เสมอ ไม่มีลูกประคำหนึ่งหมื่นหกพันในทุกวัด มีเพียงในบางแห่งเท่านั้น
2) ลูกทุกคนเคยสัมผัสประสบการณ์กับตัวเองว่าเป็นดวงวิญญาณฮีโร่แอคเตอร์(นักแสดงเอก)ในละครที่ไม่มีขีดจำกัดนี้หรือไม่? ลูกทุกคนมีบทบาทฮีโร่ ทำไมลูกถึงกลายเป็นนักแสดงฮีโร่? เพราะลูกคือผู้ที่เล่นบทบาทกับผู้ที่เป็นพ่อที่สูงสุดเหนือสิ่งใดเดอะซีโร่(ศูนย์-0) ลูกเองก็เป็นซีโร่(ศูนย์)เช่นกันนั่นคือจุด อย่างไรก็ตามลูกกลายเป็นผู้มีชีวิตในร่างกายและพ่อเป็นศูนย์เสมอ ดังนั้นผู้ที่เล่นบทบาทของเขากับซีโร่คือนักแสดงฮีโร่ หากลูกมีความตระหนักรู้นี้ลูกจะเล่นบทบาทของลูกอย่างถูกต้องแม่นยำเสมอและความสนใจของลูกจะถูกดึงดูดโดยอัตโนมัติ ในละครที่มีขีดจำกัด นักแสดงเอกให้ความใส่ใจมาก ลูกทุกคนมีบทบาทที่ใหญ่ที่สุด บทบาทฮีโร่ รักษาความซาบซึ้งและความสุขนี้ไว้เสมอ: ว้า บทฮีโร่ของฉัน! ทุกดวงวิญญาณทั้งโลกพูดซ้ำๆว่า "เอนคอร์ เอนคอร์ (การเรียกร้องให้แสดงอีกอีกครั้งหนึ่ง)!" เพลงสักการะบูชาที่ร้องถึงลูกตั้งแต่ยุคทองแดงอันเป็นอนุสรณ์ของบทบาทฮีโร่ของลูกในเวลานี้ มีการสร้างอนุสรณ์ที่สวยงามเช่นนั้น ลูกทุกคนกลายเป็นฮีโร่ของตัวเองและเหตุนี้เองการสรรเสริญของลูกจึงยังคงดำเนินต่อเนื่องมาจนถึงตอนนี้ ลูกได้ยินคำสรรเสริญของตัวเองแม้กระทั่งในชาติเกิดสุดท้ายของลูก มีการยกย่องของโกปี้วัลลาภและของโก๊ปและโก๊ปปี้ คำสรรเสริญของพ่ออยู่ในรูปของชีวาและคำสรรเสริญของลูกๆอยู่ในรูปของชัคตี ดังนั้นลูกคือดวงวิญญาณที่สูงส่งที่เล่นบทบาทฮีโร่ จงก้าวต่อไปด้วยสำนึกรู้นี้
การพบปะกุมาร:
1) ลูกเป็นโยคีกุมารที่ง่ายดายใช่หรือไม่? โยคีกุมาร คาร์มาโยคีกุมาร เพราะกุมารสามารถทำให้ตัวเองก้าวไปข้างหน้าได้มากเท่าที่พวกเขาต้องการ เพราะเหตุใด? ลูกเป็นอิสระจากบ่วง ลูกไม่มีภาระใดๆ และลูกไม่มีความรับผิดชอบใดๆ และเหตุนี้เองลูกจึงเบาสบาย เนื่องจากลูกเบาสบายลูกจึงสามารถไปได้สูงเท่าที่ลูกต้องการ โยคีที่สม่ำเสมอและโยคีที่ง่ายดายนี่คือสภาพที่สูง นี่คือความหมายที่จะไปให้สูง ผู้ที่มีสภาพที่สูงเช่นนี้เรียกว่ากุมารผู้มีชัยชนะ ลูกได้รับชัยชนะ หรือบางครั้งลูกพ่ายแพ้และบางครั้งก็มีชัยชนะ ลูกไม่ได้เล่นเกมนี้ใช่ไหม? หากลูกมีซันสการ์ที่บางครั้งพ่ายแพ้และบางครั้งมีชัยชนะแล้วลูกจะไม่ได้สัมผัสกับสภาพที่สม่ำเสมอและมั่นคง ลูกจะไม่สัมผัสกับการหลุดหายไปในความรักของหนึ่งเดียว
2) ลูกเป็นกุมารที่แสดงความมหัศจรรย์ในทุกการกระทำของลูกอยู่เสมอใช่หรือไม่? อย่าให้มีการกระทำที่ธรรมดา ให้มันเต็มไปด้วยความมหัศจรรย์ เช่นเดียวกับที่ลูกร้องเพลงสรรเสริญพ่อและลูกร้องเพลงสรรเสริญของความมหัศจรรย์ของท่าน ในทำนองเดียวกันกุมารหมายถึงผู้ที่แสดงความมหัศจรรย์ในทุกการกระทำ ไม่ใช่คนที่บางครั้งเป็นเช่นนี้และบางครั้งก็เป็นเช่นนั้น ไม่ใช่ว่าลูกถูกดึงไปในทิศทางใดก็ตามที่ลูกดึง อย่าให้เป็นเหมือนไหที่กลิ้งไปเรื่อยๆ – บางครั้งลูกกลิ้งไปที่ไหนสักแห่งและในบางครั้งลูกก็กลิ้งไปที่อื่น – ไม่เป็นเช่นนั้น กลายเป็นผู้ที่แสดงความมหัศจรรย์ ผู้ที่ไม่สูญสลายจะทำให้ลูกไม่สูญสลาย กลายเป็นผู้ที่ยื่นความท้าทายด้วยวิธีนี้ แสดงความมหัศจรรย์เช่นนั้นและแสดงให้เห็นว่าแต่ละกุมารเดินและเคลื่อนไหวอย่างเป็นเทวดาได้อย่างไร ให้ประกายของเทวดาสัมผัสได้จากระยะไกล ลูกได้ทำโปรแกรมมากมายเพื่อทำรับใช้ด้วยคำพูดและลูกจะทำสิ่งเหล่านั้นอย่างแน่นอน แต่ผู้คนในปัจจุบันต้องการข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติ ข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติเป็นข้อพิสูจน์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของทั้งหมด ให้มีหลายคนที่เป็นข้อพิสูจน์ในทางปฏิบัติว่างานรับใช้เกิดขึ้นได้อย่างง่ายดาย เมื่อลูกทำงานรับใช้อย่างเป็นเทวดาก็จะมีการทำงานหนักที่น้อยลงและลูกจะประสบความสำเร็จมากขึ้น อย่ารับใช้เพียงแค่คำพูด แต่รับใช้ด้วยความคิดคำพูดและการกระทำของลูกทั้งสามอย่างในเวลาเดียวกัน สิ่งนี้เรียกว่าความมหัศจรรย์ อัจชะ
ในช่วงเวลาแห่งการอำลา: ถึงผู้ที่เพียรพยายามอย่างจริงจังในทุกหนแห่ง ผู้รับใช้ที่สม่ำเสมอ ผู้ที่เบาสบายเป็นสองเท่า(ดับเบิ้ลไลท์)และทำให้ผู้อื่นเบาสบายเป็นสองเท่าเช่นกัน ถึงผู้ที่ประสบความสำเร็จอย่างเป็นสิทธิ์อย่างถูกต้อง ถึงผู้ที่ก้าวไปข้างหน้าอย่างสม่ำเสมอเช่นเดียวกับพ่อและผู้ที่ช่วยทำให้ผู้อื่นก้าวไปข้างหน้าได้เช่นกัน ถึงดวงวิญญาณที่สูงส่งเช่นนี้ซึ่งรักษาความจริงจังและความกระตือรือร้นอยู่เสมอ ต่อลูกๆที่รักเช่นนี้ ด้วยความรักและระลึกถึงมากมายจากก้นบึ้งของหัวใจของบัพดาดาและสวัสดีตอนเช้า